| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |
| พัฒนาทางประวัติศาสตร์ | มรดกทางธรรมชาติ | มรดกทางวัฒนธรรม | มรดกทางพระพุทธศาสนา |

มรดกทางธรรมชาติ

            จังหวัดน่าน มีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาและป่าไม้ถึงสามส่วน อีกหนึ่งส่วนเป็นที่ราบลุ่ม มีภูเขาสูงติดชายแดน จากสภาพภูมิประเทศดังกล่าวเป็นแหล่งกำเนิดมรดกทางธรรมชาติที่แปลกตา และสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของท้องถิ่นอยู่หลายแห่งด้วยกัน
เสาดินนาน้อย

            เสาดินนาน้อยอยู่ที่บ้านน้ำหก ตำบลเชียงของ อำเภอนาน้อย อยู่ห่างจากตัวอำเภอไปทางทิศใต้ ประมาณ ๖๐ กิโลเมตร มีสภาพภูมิประเทศตามธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ ลักษณะเป็นภูเขาดินที่ถูกน้ำกัดเซาะสึกกร่อนพังทลาย ที่เหลือกลายเป็นเสาสูงตระหง่าน มีรูปร่างต่าง ๆ ตามแต่จะจินตนาการ เป็นพื้นที่บริเวณกว้างขวาง กระบวนการเกิดภูมิประเทศลักษณะดังกล่าว เกิดในยุคคลอเทอร์ทาวี ซึ่งมีสารประกอบแตกต่างกันของตะกอนแต่ละชั้น มีอัตราการสลายตัวแตกต่างกัน เมื่อถูกชะล้างโดยน้ำ และฝนเป็นเวลานาน ส่วนชั้นที่แข็งกว่าจะป้องกันส่วนที่อ่อนกว่าเอาไว้ เมื่อมีการชะล้างมากขึ้นชั้นที่อ่อนกว่าทานน้ำหนักด้านบนไม่ได้ จึงเกิดการพังทลายลงมา ปรากฏการดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้เสาดินมีรูปร่างเปลี่ยนไปตลอดเวลา
บ่อเกลือโบราณ

            เมืองน่านมีบ่อเกลือที่สำคัญอยู่สองแห่งคือ บริเวณต้นน้ำลำว้า  ซึ่งมีบ่อเกลือใหญ่อยู่สองบ่อ อีกแห่งหนึ่งคือ บริเวณต้นน้ำน่าน มีบ่อใหญ่อยู่ห้าบ่อ และมีบ่อเกลือเล็กอยู่เป็นจำนวนมาก บ่อเกลือในจังหวัดน่านมีลักษณะพิเศษ เป็นหนึ่งเดียวในโลกที่มีแหล่งกำเนิดอยู่บนเทือกเขาสูง
            ในสมัยโบราณเกลือเป็นผลิตผลที่มีความสำคัญ และจำเป็นควบคู่ไปกับข้าว เป็นสิ่งแสดงความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมือง ในพงศาวดารโยนกกล่าวว่า พระเจ้าติโลกราชแห่งเมืองเชียงใหม่ ยกทัพมาตีเมืองน่านใน ปี พ.ศ.๒๐๙๓ ก็เพราะต้องการให้เมืองน่านเป็นเมืองส่งส่วยเกลือ เนื่องจากเมืองน่านมีผลผลิตเกลือเป็นจำนวนมาก และเป็นแหล่งผลิตเกลือแห่งเดียวที่มีความสำคัญยิ่งในดินแดนล้านนา
            หมู่บ้านที่ทำการต้มเกลือส่งไปขายในเมืองมีหมู่บ้านลัวะจำนวนมาก ในเขตตำบลบ่อเกลือเหนือ และตำบลบ่อเกลือใต้ การเคี่ยวเกลือเดิมจะต้องมีการทำพิธีไหว้ผี เพื่อขออนุญาตตามประเพณี
            เมืองน่าน เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๕ สามารถตักเกลือได้ปีละ ๑,๕๐๐ หาบ
ต้นชมพูภูคา

            ต้นชมพูภูคา เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่สูงประมาณ ๓๐ เมตร ดอกมีลักษณะออกเป็นช่อ ตามปลายกิ่ง ช่อตั้งตรงยาวประมาณ ๓๐ - ๔๕ เซนติเมตร ดอกสีชมพู เมื่อดอกบานจะชิดกันแน่นทำให้ช่อดอกเป็นพุ่มสวยงามจะออกดอกในเดือนกุมภาพันธ์
            ต้นชมพูภูคา สำรวจพบครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๒ ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคา อำเภอปัว ในป่าดิบภูเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๑,๕๐๐ เมตร กล่าวกันว่าพื้นที่ป่าดิบภูเขาบนดอยภูคา อาจเป็นแหล่งกำเนิดสุดท้ายของต้นชมพูภูคา ซึ่งถือว่าเป็นไม้หายากใกล้สูญพันธุ์ชนิดหนึ่งของโลก

| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |