| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
| พัฒนาทางประวัติศาสตร์ | มรดกทางธรรมชาติ | มรดกทางวัฒนธรรม | มรดกทางพระพุทธศาสนา | |
นครบาลเพชรบูรณ์
รัฐบาลโดยมี จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการเพชรบูรณ์ขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญคือ
๑. วัดตั้งจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นเมืองหลวงใหม่โดยให้กรุงเทพ ฯ เป็นเมืองท่าเช่นเดียวกับมหานครนิวยอร์ค
ของสหรัฐอเมริกา
๒. สร้างนครบาลเพชรบูรณ์ เพื่อเป็นฐานทัพในการขับไล่ญี่ปุ่น
ได้มีการออกเป็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นส่วนใหญ่ โดยออกคำสั่งครั้งแรกในปี
พ.ศ.๒๔๘๖ มีการดำเนินการดังนี้
การจัดทำแผนผังนครบาลเพชรบูรณ์
ให้กรมโยธาเทศบาลออกแบบ และทำแผนรวม มีผังเมืองหลัก และเมืองบริวาร โดยให้ยึดบริเวณสองฟากทางหลวงแผ่นดิน
ที่สร้างขนาบกับทางรถไฟจากอำเภอแก่งคอย ลำนารายณ์ เพชรบูรณ์ และหล่มสัก
แต่เนื่องจากพระราชบัญญัติอนุมัติพระราชกำหนดระเบียบการบริหารนครบาลเพชรบูรณ์
พ.ศ.๒๔๘๕ ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ทำให้พระราชบัญญัตินี้ตกไป
ทางหลวงสาย ๒๑ จากกรุงเทพ ฯ ผ่านลำนารายณ์ เพชรบูรณ์ ถึงอำเภอหล่มสัก นับเป็นทางหลวงสายหลักของประเทศไทยสายหนึ่ง
เพราะสามารถเดินทางจากกรุงเทพ ฯ ผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ ไปยังจังหวัดเลยไปสู่ประเทศลาวได้สะดวก
เป็นระยะทางสั้นที่สุด เมื่อปรียบเทียบกับเส้นทางหลวงสายอื่น ๆ ได้มีการวางแผนสร้างถนนสายนี้ตั้งแต่ปี
พ.ศ.๒๔๘๖ แต่ได้หยุดชะงักไป และได้มีการรื้อฟื้นใหม่ในปี พ.ศ.๒๕๐๙
อุดมการณ์ทางการเมือง
บริเวณเทือกเขาค้อ ภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง ปกคลุมไปด้วยป่ารกทึบ ยากต่อการตรวจการทั้งทางพื้นดิน
และทางอากาศ เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๐๓ บริเวณดังกล่าวเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเขาเผ่าต่าง
ๆ ที่อพยพมาจากภาคเหนือของประเทศไทย ส่วนมากเป็นเผ่าม้ง ได้มาตั้งรกรากอยู่บริเวณเทือกเขาค้อ
เขาปู่ เขาย่า ภูทับเบิก ภูหินร่องกล้า ภูขี้เท่า และเทือกเขาอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงได้ตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นกลุ่ม
ๆ มีหัวหน้าบ้านปกครองกันเอง เช่น บ้านเล่าลือ บ้านเล่านะ บ้านเซาเน้ง บ้านเล่ากี
บ้านเขาย่า บ้านหูช้าง บ้านทับเบิก ฯลฯ
ในเวลาต่อมาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เห็นว่ารอยต่อสามจังหวัด คือ เพชรบูรณ์
พิษณุโลก และเลย เป็นชัยภูมิที่เหมาะสม โดยเฉพาะบริเวณเขาค้อ เทือกเขาหินร่องกล้า
จึงได้ดำเนินการแทรกซึมครอบครอง เผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ ทำสงครามกองโจรบังคับให้ชาวเขาเป็นพรรคพวก
และแนวร่วมเพื่อทำการยึดอำนาจจากรัฐ เพื่อมุ่งหวังเปลี่ยนระบอบการปกครอง จากประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ไปสู่ระบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์
เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๑ เป็นวันเสียงปืนแตก ในเขตพื้นที่รอยต่อสามจังหวัด
โดยฝ่ายผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ได้เข้าโจมตีที่ตั้งของอาสาสมัครชุดคุ้มครองหมู่บ้านห้วยทรายเหนือ
ได้เข้ายึดเขาภูหินร่องกล้าเป็นฐานที่มั่น แผ่อิทธิพลครอบคลุมพื้นที่รอยต่อสามจังหวัด
รวมไปถึงบริเวณเขาค้อด้วย
ผกค. กลุ่มเขาค้อ
มีชื่อรหัสเขตงานว่า เขต ข.๓๓ ปฎิบัติงานด้านการเมือง การทหาร ครอบคลุมพื้นที่อำเภอหล่มสัก
อำเภอเมือง ฯ อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ อำเภอเนินมะปราง และบางส่วนของอำเภอนครไทย
จังหวัดพิษณุโลก
ผกค.กลุ่มนี้มีฐานที่มั่นประกอบด้วย สำนักอำนาจรัฐ โรงเรียนการเมืองการทหาร
สำนักพลาเขต กองร้อยพลาธิการ สำนักทหารช่าง สำนักเคลื่อนที่ กองร้อยทหารหลัก
๕๑๕ , ๕๒๐ โรงพยาบาลเขต และคลังเสบียงอาวุธ รวมทั้งหมู่บ้านปลดปล่อยในอิทธิพล
คือ บ้านภูชัย บ้านแสงทอง บ้านอุดมชัย บ้านหลักชัย บ้านชิงชัย บ้านกล้าบุก
บ้านทุ่งแดง บ้ารรวมพลัง บ้านรวมสู้ บ้านต่อสู้ บานที่มั่นและหมู่บ้านในอิทธิพลเหล่านี้
กระจายอยู่ตามเทือกเขาต่าง ๆ บริเวณบ้านหนองแม่นา ทุ่งสะเดาพง เขาค้อ เขาย่า
เขาหลังถ้ำ รวมพื้นที่ประมาณ ๕๐ ตารางกิโลเมตร
ในวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๑ ผกค.กลุ่มเขาค้อ ประกาศวันเสียงปืนแตก เข้าโจมตีหมู่บ้านเล่าลือ
ผกค. กลุ่มเขาค้อมีกำลังกล้าแข็งแผ่อิทธิพลครอบคลุมชาวเขา ประมาณ ๓,๐๐๐ คน
ไว้ได้หมด
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ได้สถาปนาอำนาจรัฐประชาชนขึ้น ในเขตฐานที่มั่นของ
ผกค.กลุ่มเขาค้อ ขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย และมีอายยืนนานถึง ๑๐ ปี มีคณะกรรมการบริหารเรียกว่า
คณะกรรมการรัฐ มีสภาผู้แทนประชาชนปฎิวัติ ประกอบด้วยสมาชิก ๕๕ คน ที่ได้รับเลือกจากราษฎรและทหาร
ในเขตที่มั่น มีศาลประชาชนซึ่งประกอบด้วย ศาล ผู้พิพากษา และคณะกรรมการการกฎหมาย
การต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์
รัฐบาลได้ดำเนินการต่อสู้เพื่อเอาชนะอย่างเป็นขั้นตอนคือ
จัดตั้งกองอำนวยการ
เพื่อให้หน่วยต่าง ๆ ปฎิบัติการอย่างเหมาะสม
กองอำนวยการผสมที่ ๓๙๔
โดยให้กองทัพภาคที่ ๓ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๐ มีหน้าที่ปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
(ผกค.) ตั้งอยู่ที่บ้านสักหลง อำเภอหล่มสัก
กองอำนวยการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ ๑๖๑๗
(พตท.๑๖๑๗) ขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๑๖ ตั้งอยู่ที่บ้านสักหลง อำเภอหล่มสัก มีภารกิจในการใช้กำลัง
พลเรือน ตำรวจ ทหาร เข้าทำการปราบปราม ผกค. โดยใช้กำลังจากกองพลที่ ๔ กองพลที่
๙ ศูนย์สงครามพิเศษ และกองบัญชาการช่วยรบที่ ๓
กองอำนวยการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ ๓๓
เริ่มในปี พงศ.๒๕๒๕ โดยกองทัพภาคที่ ๓ มอบภารกิจให้กองพลทหารที่ ๑ ทำากรต่อสู้
ผกค. ในเขตพื้นที่รอยต่อสามจังหวัด
- เปิดยุทธการ
เพื่อเอาชนะ ผกค. ตามลำดับดังนี้
ยุทธการโพธิกนิษฐ์
ในปี พ.ศ.๒๕๑๒ เพื่อปฎิบัติการบนภูหินร่องกล้า แต่ยังไม่สามารถลดอิทธิพลของ
ผกค. ลงได้ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่ยากลำบาก และ ผกค. ได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศ
ยุทธการภูขวาง หรือ กฝร.๑๕
ในปี พ.ศ.๒๕๑๕ บก.ทหารสูงสุด ได้กำหนดให้มีการฝึกร่วมระหว่างกองทัพบก กองทัพอากาศ
กรมตำรวจ และอาสาสมัครรักษาดินแดน เพื่อทำลายอิทธิพลของ ผกค. ในเขตพื้นที่รอยต่อสามจังหวัด
โดยมีเสนาธิการทหารบก เป็นผู้อำนวยการ มีเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ เข้าปฎิบัติการ
จำนวน ๖๐ เครื่อง
การฝึกร่วม ๑๖
(กฝร.๑๖) เริ่มในปี พ.ศ.๒๕๑๖ โดยกองทัพภาคที่ ๓ ส่วนหน้า ได้เปิดยุทธการรอยต่อสามจังหวัด
สามารถยึดฐานที่ตั้ง ผกค. ที่เขาย่า ได้เมื่อ ๗ มิถุนายน ๒๕๑๖
ยุทธการผาเมืองเผด็จศึก เริ่มในปี พ.ศ.๒๕๒๔
พตท.๑๖๑๗ ได้เปิดยุทธการนี้ขึ้นสองครั้ง
ครั้งแรก
เมื่อ ๑๙ มกราคม ๒๕๒๔ ถึง ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๔ สามารถยึดฐานที่มั่น ผกค.และรักษาพื้นที่เขาค้อได้สำเร็จ
ครั้งที่สอง
เมื่อ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๔ ถึง ๑๐ เมษายน ๒๕๒๔ สามารถกวาดล้างทำลายที่มั่นของ
ผกค.ในพื้นที่เขาค้อ เขาปู่ บ้านหนองแม่นา บ้านห้วยทราย บ้านตะเคียนโงะ (อำเภอวังโป่ง)
และบริเวณทุ่งแสลงหลวงได้สำเร็จ ผลการปฏิบัติการครั้งนี้ทำให้ ผกค.ในเขตพื้นที่เขาค้อถอนตัวไปรวมกับ
ผกค.ในเขตพื้นที่ภูหินร่องกล้า ภูขัดและภูเมี่ยง
ยุทธการหักไพรี
เริ่มในปี พ.ศ.๒๕๒๕ กองอำนวยการผสม ๓๓๓ โดยมีผู้บังคับการกรมทหารม้าที่ ๓
เป็นผู้อำนวยการ เพื่อทำลายอิทธิพลของ ผกค.ให้หมดสิ้นไป สามารถพิทักษ์ประชาชน
และทรัพยากรในพื้นที่เขาค้อได้ และสามารถแยก ผกค.ออกจากมวลชนในพื้นที่ภูหินร่องกล้า
ภูขัดและภูเมี่ยงได้สำเร็จ
ยุทธการผาเมืองเกรียงไกร
เป็นยุทธการต่อเนื่องจากยุทธการหักไพรี เพื่อปราบปราม ผกค.ที่ยังหลงเหลืออยู่ให้หมดไป
โดยได้กวาดล้างเป้าหมายในบริเวณภูหินร่องกล้า ภูขัดและภูเมี่ยง กำลังทหารเข้ายึดพื้นที่สำเร็จหมด
มีมวลชนเข้ามามอบตัวเพื่อร่วมพัฒนาชาติไทยเป็นจำนวนมาก
การต่อสู้เพื่อเอาชนะ ผกค.ในเขตพื้นที่รอยต่อสามจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณเขาค้อ
นับตั้งแต่วันเสียงปืนแตกในปี พ.ศ.๒๕๑๑ ที่ ผกค.เข้าโจมตีฐานที่มั่นของทหารที่บ้านเล่าลือ
จนได้มีการสู้รบเป็นเวลายาวนานถึง ๑๔ ปีเศษ จนถึงปี พ.ศ.๒๕๒๕ รัฐบาลจึงได้ชัยชนะเด็ดขาดยุติการสู้รบ
มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด ๑,๑๗๑ คน มีผู้บาดเจ็บและทุพพลภาพเป็นจำนวนมาก
การสร้างเส้นทางสายยุทธศาสตร์เข้าสู่พื้นที่
เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๙ เส้นทางดังกล่าวได้แก่
เส้นทางสายนางั่ว - สะเดาะพง
ระยะทาง ๒๔ กิโลเมตร โดยสร้างแยกจากถนนสายสระบุรี - หล่มสัก ณ หลักกิโลเมตรที่
๑๓ (บ้านนางั่ว)
ส้นทางสายทุ่งสมอ - เขาค้อ
ระยะทาง ๓๐ กิโลเมตร โดยสร้างแยกจากถนนสายพิษณุโลก - หล่มสัก ตรงแยกแคมป์สน
เส้นทางสายสะเดาะพง - หนองแม่นา
ระยะทาง ๑๖ กิโลเมตร สร้างต่อจากสายแยกรื่นฤดี
เส้นทางสายหนองแม่นา - ป่าแดง
ระยะทาง ๒๐ กิโลเมตร สร้างต่อจากบ้านหนองแม่นาถึงบ้านป่าแดง (เขาค้อ)
| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |