| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
๒๐
กุมภาพันธ์ ๒๓๒๙
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ ได้ยกทัพหลวง ตีค่ายพม่าที่ท่าดินแดง
ส่วนทัพหน้าของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เข้าตีค่ายพม่าที่ตำบลสามสบ
รบอยู่ ๓ วัน ไทยได้รับชัยชนะ
พ.ศ.๒๓๓๐
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
สร้างเมืองปากลัดพร้อมทั้งสร้างป้อมศิลปาคม
ซึ่งนับว่าเป็นป้อมสำหรับป้องกันศึกทางทะเล เป็นป้อมแรกในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
๘
มีนาคม ๒๓๓๐
เจ้าพระยามหาเสนาและเจ้าพระยารัตนาพิพิธ ยกทัพเข้าตีเมืองกะลิอ่อง ของพม่าได้สำเร็จ
๓๑
มีนาคม ๒๓๓๐
วันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) ทรงเป็นราชโอรสองค์ใหญ่ใน
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ก่อนขึ้นครองราชย์ได้ทรงรับราชการหลายหน้าที่ด้วยกันคือ
กำกับราชการกรมท่าและกรมตำรวจ ทรงว่าราชการกรมพระคลังมหาสมบัติ เป็นแม่กองกำกับลูกขุน
ณ ศาลหลวงและตุลาการทุกศาล ทรงค้าขายทางสำเภาจีน นำเงินรายได้เข้าท้องพระคลังเป็นจำนวนมาก
เมื่อขึ้นครองราชย์แล้วได้ทรงฟื้นฟูพระพุทธศาสนา รวบรวมสรรพตำราวิทยาการต่าง
ๆ พัฒนาการเศรษฐกิจไทยหลาย ๆ ด้าน ทำให้รัฐมั่งคั่งเป็นอันมาก
๑๗
เมษายน ๒๓๓๑
วันสมภพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) ที่บ้านไก่จ้น ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ
อยุธยา บวชเป็นสามเณรแล้วมาอยู่วัดระฆัง จนได้เป็นเจ้าอาวาส มรณะภาพเมื่ออายุได้
๘๕ ปี
๒๓
ธันวาคม ๒๓๓๑
ราชทูตไทย ชุดที่ ๔ ได้เข้าเฝ้าสันตะปาปา อินโนเชนต์ ที่ ๑๑ ณ กรุงโรม
๗
กันยายน ๒๓๓๓
ชาวเมืองยอง ๕๘๕ ครัวเรือน ในแคว้นไทยใหญ่อพยพมาอยู่เมืองน่าน
๑๑
ธันวาคม ๒๓๓๓
วันประสูติสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส (สวรรคต เมื่อ ๙ ธันวาคม
๒๓๙๖) เป็นพระสังฆราชเจ้าองค์ที่ ๗
๒๒
กันยายน ๒๓๓๔
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าราชบุตรพระตา เป็นพระยาพิชัยราชสุริยวงศ์ขัตติยราช
เมืองจำปาศักดิ์ ขึ้นกรุงเทพ ฯ นครจำปาศักดิ์ เคยเป็นพระราชอาณาเขต ต้องเสียให้แก่ฝรั่งเศส
เมื่อ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๖ เพื่อให้ฝรั่งเศสคืนจังหวัดจันทบุรี ให้ไทย ซึ่งได้เคยยึดไว้แต่เมื่อ
กรณี ร.ศ.๑๑๒
๑๐
มีนาคม ๒๓๓๔
เมืองทะวาย กลับมาอยู่ในอิทธิพลของไทย หลังจากตกไปเป็นของพม่า เมื่อปี พ.ศ.
๒๓๐๒
พ.ศ.๒๓๓๕
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ ทรงออกกฎหมายห้ามมิให้ผู้ใดกักตุนข้าว และกำหนดอัตราซื้อขายข้าวในอัตราที่เหมาะสม
พร้อมทั้งกำหนดโทษผู้ละเมิดถึงขั้นประหารชีวิต ผู้รู้เห็นเป็นใจให้ลงโทษเฆี่ยนคนละสามยก
จากนั้นให้นำตัวไปแห่ประจานทางบกสามวัน ทางเรือสามวัน แล้วส่งตัวไปตะพุ่นหญ้าช้าง
๑๖
มกราคม ๒๓๓๖
ไทยเสียเมืองมะริด ทวาย และตะนาวศรี ให้แก่พม่า
๑๐
กรกฎาคม ๒๓๔๕
กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข (วังหลัง) ทรงบวชเป็นพระภิกษุ
๑๑
เมษายน ๒๓๔๖
วันเกิดแฝดสยาม อิน – จัน
ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ที่แม่กลอง จันถึงแก่กรรมเดือน
มกราคม ๒๔๑๗ แล้วอินก็ตายตามไป
๒๗
กันยายน ๒๓๔๖
ราชทูตไทยไปเมืองญวน นำเครื่องยศกษัตริย์ ๑๘
อย่าง ไปพระราชทานให้พระเจ้าเวียดนาม ยาลอง
(องเชียงสือ) พระเจ้าเวียดนามรับของ ๑๗ อย่าง เว้นแต่พระมาลาเบี่ยงถวายคืน
ไม่กล้ารับพระราชทาน อ้างว่าเป็นของสูง สมัยก่อนญวนเป็นเขตอิทธิพลของกรุงรัตนโกสินทร์
ต้องถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทอง
๓
พฤศจิกายน ๒๓๔๖
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท พระนามเดิม บุญมา เป็นพระอนุชาธิราชของ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ สิ้นพระชนม์ด้วยโรคนิ่ว เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
ฯ ทรงปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์ ในปี พ.ศ. ๒๓๒๕ พระองค์ทรงได้รับการสถาปนาเป็น
พระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล พระองค์ได้ทรงทำศึกสงครามกับพม่าหลายครั้ง
จนเป็นที่ครั่นคร้ามแก่อริราชศัตรู สงครามครั้งที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์
คือสงครามเก้าทัพ
ณ ตำบลลาดหญ้า แขวงกาญจนบุรี พระองค์ทรงสามารถยับยั้งข้าศึกไว้ได้จนได้รับชัยชนะ
โดยใช้ทหารเพียงสามหมื่นคนสกัดกั้น กำลังของข้าศึกที่มีถึงเก้าหมื่นคน
๑๘
ตุลาคม ๒๓๔๗
วันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) พระนามเดิมสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามงกุฎ
ฯ ทรงเป็นพระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กับกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี
ก่อนขึ้นครองราชย์ทรงผนวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาอยู่ ๒๗ ปี เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเมื่อ
วันที่ ๒ เมษายน ๒๓๙๔ ในรัชสมัยของพระองค์ได้ทรงรับวิทยาการของชาติตะวันตกเข้ามาใช้ในไทยเป็นอันมาก
พระองค์ยังทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงความรอบรู้ ความเป็นไปทางวิชาการ ทั้งทางโลกและทางพุทธศาสตร์
ทรงรอบรู้ทั้งในทางการเมือง ศาสนาวิทยาศาสตร์ โหราศาสตร์ ภาษาศาสตร์ ทรงเชี่ยวชาญทั้ง
ภาษาอังกฤษ ภาษามคธ และบาลี
๑๕
มีนาคม ๒๓๔๙
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งพระราชพิธีอุปราชาภิเษก
สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล
ที่พระมหาอุปราชผู้รับรัชทายาท
๔
กันยายน ๒๓๕๑
วันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระนามเดิมเจ้าฟ้าน้อย
ทรงเป็นพระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และเป็นองค์ที่ ๒
ในสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี เช่นเดียวกับรัชกาลที่ ๔ ทรงพระปรีชาสามารถในงานต่าง
ๆ ทั้งทางทหารและการช่าง ทรงหล่อปืนใหญ่ไว้ใช้ในราชการ เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ
ชำนาญในด้านการต่อเรือกลไฟใช้เป็นเรือรบและเรือพาหนะ ได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพใหญ่
เมื่อ พ.ศ.๒๓๘๓ ยกทัพไปปราบญวนที่เมืองบันทายมาศ (ฮาเตียน) เมื่อรัชกาลที่
๔ ขึ้นครองราชย์ ได้โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบวรเจ้า (วังหน้า) จัดพิธีอุปภิเศกมีพระเกียรติยศเสมอพระเจ้าอยู่หัว
๗
กันยายน ๒๓๕๒
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ เสด็จสวรรคต เมื่อพระชนมายุ ๗๔ พรรษา ครองราชย์
๒๗ ปี เศษ
| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |