| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |

ธาราธิษฐาน
คำร้อง ม.จ. จักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์      ทำนอง ม.จ. จักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์

         ธาราเอ๋ยธาราริน     กระแสสินธุ์เย็นชื่นระรื่นไหล
ขอฝากแก้วเกษรายาใจ     เหมือนมาลัยรจนาหาคู่ครอง
กระทงน้อยลอยเลื่อนมาตามสาย     ยอดชายพ้องพบประสพสอง
ถ้ามีจิตพิศมัยใจปอง     เหมือนหงส์ทองรักขนดลใจ
         ดวงเอ๋ยดวงแก้ว     หวานแว่วเสียงเรียกอยู่หนไหน
เกษแก้วประทินอาบกลิ่นสุมาลัย     เลี้ยวไหนลึกล้ำด่ำทรวง
บุญชักพี่จากฟากฟ้า     ลอยลงธาราเมืองสรวง
เทพเจ้าปิงวังทั้งปวง     ช่วยชูช่วงสายสวาทชาติชาย

นกขมิ้น

      ...ค่ำ คืน ฉันยืนอยู่เดียวดาย  เหลียวมองรอบกาย มิวายจะหวาดกลัว
มอง นภามืดมัว สลัวเย็นย่ำ ค่ำคืน เอ๋ย ฮืม
     ...ยามนภาคล้ำไป ใกล้ค่ำ ยินเสียงร่ำ คำบอก เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย
เจ้าดอก ขจรนก ขมิ้น เหลืองอ่อน ค่ำแล้ว จะนอน ไหน เอย เอ๋ยเล่า นก เอย
      ...อกฉัน ทุกวันเฝ้าอาวรณ์ เหมือนคนพเนจร ฉันนอนไม่หลับเลย
หนาว พระพายพัดเชยอกเอ๋ยหนาวสั่น สุดบั่น ทอนฮืม
      ...ยามนี้เราหลงทาง กลางค่ำ ยินเสียงร่ำ คำบอก เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย
เจ้าดอก ขจรฉันร่อนเร่ พเนจร ไม่รู้จะนอน ไหน เอย เอ๋ย โอ้ หัวอก เอย
      ...บ้านใด หรือใครจะเอ็นดู รับรอง อุ้มชู เลี้ยงดูให้หลับนอน
นกขมิ้น เหลืองอ่อน ค่ำไหน นอนนั่น อกฉัน หมอง ฮืม
      ...ทนระกำช้ำใจ ยามค่ำ ยินเสียงร่ำ น้ำตก โอ้หัวอก เอ๋ย
โอ้อก อาวรณ์ ฉันไร้คู่ ร่วมคอน ต้องฝืน นอนหนาว เอย เอ๋ย โอ้ หัวอก เอย
      ...เมื่อมอง หมายปองก็แลเห็น หวิวในใจเต้นเหมือนเป็นเพียงแต่มอง
เหมือนพบรัง จะครอง แต่หมองเกรงที่        หวั่นจะมีเจ้าของฮืม
      ...ฟังสำเนียงเสียงเพลง ครวญคร่ำ ใครหนอร่ำ คำบอก เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย
เจ้าดอก ขจร นกขมิ้น เหลืองอ่อน ค่ำนี้ จะนอน ไหน เอย เอ๋ย นอน ที่นี่ เอย...

นกเขาคูรัก

ช. โน่นแน่ะนกเขาคู จุ๊กจุ๊กกรู นกมันเฝ้าคูหาชู้ มัน
ญ. โถโก่งคอทำเสียง หวาน ช่างน่าสงสาร นะกระไรใจ ข้า
ช. ก็พี่ปักใจ ใฝ่รัก รัก เจ้าใย มิเห็นใจ เมตตา
ญ. นกมันรักกัน รักมันก็มี แต่ จ๊ะ จ๋า ไม่มีมารยา เสมือนร้อยลิ้น คนพร่ำ
ช. ดวงใจ เอ๋ย นกมันเหมือนพี่เฉลย เอ่ยคำ
ญ. พูดไปแล้ว ต้องจำ
ช. พูดไปแล้ว พี่จำ มิต้องพูดซ้ำ ดวงใจ
ญ. พี่อย่าเป็นเหมือนเช่นนกแก้ว
ช. พี่ไม่เป็นเหมือนเช่นนกแก้ว
ญ. พูดเจื่อยแจ้ว เรื่อยไป
ช. ออกจากปาก พี่ไป
ญ. ขอให้ออก จากใจ
ช. พี่ปากกับใจ ตรงกัน
ญ. แน่ะใคร
ช. ไหนใคร
่ญ. โน่นไง แฝงตัวร่มเงาไม้ใหญ่
่ช.ใช่ใครนกเขา คู่มัน
ญ. เสียงใคร
ช.ไหนกัน
ญ. เสียงนั่น
ช. อ๋อ นกมันพรอดคำรำพัน ฝากชีวัน รักกันไงเล่า
ญ. ใยรู้
ช.  ดู เอา พี่เห็น มันเฝ้าหยอกเย้า ต่อกัน
ญ. พี่ต้องเอา อย่างมัน
ช. พี่จะเอา อย่างมัน มิเปลี่ยนแปรผัน เลยเอย
ญ. พี่อย่าเป็นเหมือนเช่นนกแก้ว
ช. พี่ไม่เป็นเหมือนเช่นนกแก้ว
ญ. พูดเจื่อยแจ้ว เรื่อยไป
ช. ออกจากปาก พี่ไป
ญ. ขอให้ออก จากใจ
ช. พี่ปากกับใจ ตรงกัน
ญ. แน่ะใคร
ช. ไหนใคร
ญ. โน่นไงแฝงตัวร่มเงาไม้ใหญ่
ช. ใช่ใครนกเขา คู่มัน
ญ. เสียงใคร
ช. ไหนกัน
ญ. เสียงนั่น
ช. อ๋อ นกมันพรอดคำรำพันฝากชีวัน รักกันไงเล่า
ญ. ใย รู้
ช. ดู เอา พี่เห็น มันเฝ้าหยอกเย้า ต่อกัน
ญ. พี่ต้องเอา อย่างมัน
ช. พี่จะเอา อย่างมัน มิเปลี่ยนแปรผัน เลยเอย

นางแก้วในดวงใจ

         นางแก้วพี่เอย     พี่สุดเชย เฉลยคำร่ำ
นอนยังฝันวันยังค่ำ     ดวงใจเพ้อพร่ำร่ำพรรณา
         นางแก้คู่ใจ     เจ้าจากไปพี่ครวญหา
ใจโศกซึ้งถึงแก้วตา     รำพึงถึงหน้าโฉมสมร
         เจ้าจากพี่ไป     ห่วงอาลัยใจอาวรณ์
พี่ถามถึงงามงอน     รักรุ่มร้อนเร้าฤดี
         เจ้าจากพี่ไป     คงห่วงใยฝันถึงพี่
แม้นเจ้าฝันจงฝันดี     จงฝันถึงพี่นางแก้วเอย

นางใจ

      เธอเป็นนางพิม ของใครมาก่อน คนทั่วทั้ง นคร เขาก็รู้ ทั่วไป 
ฉันรักเธอ ไม่เคย คิดแคลง แหนงใจ รักเธอ ตลอดไป เทิดไว้ อยู่เหนือ ชีวา
      จะเป็น วันทอง ของใคร ก็ช่าง เธอ ย่อมเหนือ ร้อยนางฉัน เคยคิด ใฝ่หา
แม้ ทุกคน ประณาม หยาม เธอ เรื่อยมา  ฉันเอง ยัง ศรัทธา รักเธอ นั้น เป็น อาจิณ
      จง เพ่งดู ดวงใจ แห่งฉัน จะเห็น ในนั้น เจิ่งนอง ล้วน กระแสสินธN
กระแส ธารใจ ฉันมี ให้อาบ มีให้ ดื่มกิน        มีให้ล้าง มลทิน ที่ เคยเปื้อน เรือนกาย
      มาเป็น นางใจ ของฉัน ดีกว่า ลืมเรื่อง แล้วแล้ว มา ลบ มันเสีย ให้หาย
ฉัน รักเธอ แน่นอน ไม่มี วันหน่าย แม้เธอ จะผ่าน ชายร้อยชาย ฉันยัง รักเธอ
      มาเป็น นางใจ ของฉัน ดีกว่า ลืมเรื่อง แล้ว แล้ว มา ลบ มันเสีย ให้หาย
ฉัน รักเธอ แน่นอน ไม่มี วันหน่าย  แม้เธอ จะผ่าน ชาย ร้อยชาย ฉันยัง รักเธอ

น่าน้อยใจ
คำร้อง เอิบ ประไพเพลงผสม      ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน

     มันน่าน้อยใจจริงเอย    น้องรักเราชมเชยกันมา
พี่ต้องเสียน้ำตา    เศร้าโศกโศกาอาลัย
         มันน่าน้อยใจจริงเรา    หลงรักมัวเมานงเยาว์เอาใจ
ช่างไม่ไว้เยื่อใย    เจ้าไม่เห็นใยดี
         ความหลังครั้งก่อนเอย    ควรหรือทรามเชยทำเฉยเมยกับพี่
ห้องมาตัดไมตรี    โอ้ยอดชีวีไม่หวังดีมีเมตตา
         มันน่าน้อยใจจริง ๆ    รักหญิงจริงจังดังดวงชีวา
ช่างไม่เหลียวแลดูหน้า    โอ้อนิจจาอาวรณ์
         มันน่าน้อยใจจริงเอย    เยาะเย้ยไยไปทำไมงามงอน
พี่เฝ้าขอวิงวอน    จะให้ง้องอนเพียงไร
         มันน่าน้อยใจจริงเธอ    หลงเพ้อรำพันตันใจ
เจ้าสิ้นรักอาลัย    เกลียดชังถึงไม่มองมา
         ใยน้องมาหลบเมิน    จำเพาะบังเอิญพบพักตร์เผชิญดวงหน้า
พบเธอกลับหลบตา    โอ้ยอดชีวา ควรหรือมาตัดรอน
         มันน่าน้อยใจจริงเอย    น้องเอ๋ยชิงชังจงฟังคำวอน
พี่จะของ้องอน    เฒ่าจงผันผ่อนปราณี

น้ำตาแสงไต้

      นวลเจ้าพี่เอย คำน้องเอ่ยล้ำคร่ำครวญ        ถ้อยคำเหมือนจะชวน ใจพี่หวล ครวญคร่ำอาลัย
น้ำตาอาบแก้ม เพียงแซม ด้วยเพชรไสว  แวววับ จับหัวใจ เคล้าแสงไต้ งามจับตา
      นวล แสงเพชร เกล็ดแก้ว อันล้ำค่า  ครา เมื่อต้องแสง ไฟส่องมา  แวววาวชวนชื่นชม
      น้ำ ตา แสงไต้ ดื่มใจ พี่ร้าวระบม ไม่อยาก พรากขวัญ ภิรมย์ จำ ใจ ข่ม ใจไปจากนวล      

ในโลกแห่งความเป็นจริง

      ในโลกแห่งความเป็นจริง        ฉันอาจเป็นหญิงของใครก็ได้
แม้สิทธิ์แห่งกายสูญไป สิทธิทางใจไม่สูญ
      ในโลกแห่งความเป็นจริง  ฉันเกิดเป็นหญิงหัวใจแสนวุ่น
ได้เพียงแอบมองหน้าคุณ  ลืมบาปลืมบุญเหงาคลาย
      คุณพบกับฉันในฝันวิเศษ ฝันนั้นจะพาเกินเขตกฎหมาย
ลืมชีวิตเมื่อตื่นให้หาย มารักไม่หน่ายในฝัน
      ในโลกแห่งความเป็นจริง ฉันอาจเป็นหญิงหัวใจยึดมั่น
แต่ในโลกแห่งความฝัน  คุณเป็นของฉันเสมอ คุณเป็นของฉันทั้งกายและใจ

ในโลกแห่งความฝัน

      ในโลกแห่งความเป็นจริง        เธออาจเป็นหญิง ของใครก็ได้
และค่าแห่งความสนใจ ย่อมน้อยลงไปจากเขา
      ในโลกแห่งความเป็นจริง  เธออาจเป็นหญิง หัวใจแสนเศร้า
ฝืนทนชื่นบานหวานเอา  เพื่อข่มความเศร้าในใจ
      มาพบกับฉันในฝันดีกว่า  ฝันนั้น จะพาให้จิตสดใส 
ลืมชีวิต เมื่อตื่นชื่นใจ มาพบคนเก่ากันใหม่ในฝัน 
      ในโลกแห่งความเป็นจริง เธออาจเป็นหญิง ของใครไม่หวั่น
แต่ในโลกแห่งความฝัน  เธอเป็นของฉันเสมอ 
      มาพบกับฉัน ในฝันดีกว่า ฝันนั้น จะพาให้จิตสดใส
ลืมชีวิตเมื่อตื่นชื่นใจ มาพบคนเก่ากันใหม่ในฝัน
      ในโลกแห่งความเป็นจริง เธออาจเป็นหญิง ของใครไม่หวั่น
แต่ในโลกแห่งความฝัน เธอเป็นของฉันเสมอ

บางหลวง

      โอ้คลองบางหลวง ถิ่นนี้พี่ยังแสนห่วง ห่วง บางหลวงพี่เอย 
บางหลวงบ่วงใจ  ให้พี่นี้ชื่นเชยพี่รู้อยู่เต็มอกเอ๋ย เอ๋ย  เราเคยรักกัน 
      โอ้คลองนามนี้  พี่ครองรักหนักหน่วง หน่วง พี่ห่วงเนิ่นนาน
บางหลวงฝั่งคลองให้พี่หมองใจตื้นตัน        บางหลวงหน่วงใจพี่ฝัน ฝัน สัมพันธ์เสมอ
      โอ้สาวบางหลวง  เจ้าลวงให้พี่หลงปอง สองริมฝั่งคลอง วกเวียนเปลี่ยนทางน้ำเอ่อ
พอยามพี่เผลอ เผลอ  สิ้นทางแล้วเออ เออ พี่ก็ต้องเพ้อเพ้อ ละเมอฝากคลอง 
      โอ้สาวบางหลวง เจ้าลวงให้พี่หลงผิด ผิด สิ้นคิดใฝ่ปอง 
เจ้าลืมแล้วหนอ ที่ให้พี่รอปากคลอง ยามนี้พี่ได้แต่หมอง หมอง โอ้คลองบางหลวง
      ...โอ้คลองนามนี้ พี่ครองรักหนักหน่วง หน่วง พี่ห่วงเนิ่นนาน
บางหลวงฝั่งคลอง  ให้พี่หมองใจตื้นตัน บางหลวงหน่วงใจพี่ฝัน ฝัน สัมพันธ์เสมอ
      โอ้สาวบางหลวง เจ้าลวงให้พี่หลงปอง  สองริมฝั่งคลอง วกเวียนเปลี่ยนทางน้ำเอ่อ
พอยามพี่เผลอ เผลอ สิ้นทางแล้วเออ เออ พี่ก็ต้องเพ้อเพ้อ ละเมอฝากคลอง       
      โอ้สาวบางหลวง เจ้าลวงให้พี่หลงผิด ผิด สิ้นคิดใฝ่ปอง
เจ้าลืมแล้วหนอ ที่ให้พี่รอปากคลอง ยามนี้พี่ได้แต่หมอง หมอง  โอ้คลองบางหลวง...

บุญบันดาล

         นี่บุญหรือกรรม     มาหนุนมานำ     ให้เราได้มาเจอรัก
หวั่นใจยิ่งนัก     ด้วยเกรงว่ารัก     จะลอยกลับกลาย
         นี่บุญหนุนนำ     หรอกน้องจงทำ     ให้หัวใจเบิกบานสบาย
เมื่อชีพสลาย     รักจึงจะหาย     ไปจากชีวัน
         รักช่างชื่นฉ่ำกระไร     รักพาหัวใจ     ให้เฝ้าคนึงกัน
รักร่วมชีวันผูกพัน     จะไม่แปรผัน     ไปจนวันตาย
         ยิ่งฟังน้ำคำ     ยิ่งหวานชื่นฉ่ำ     ยิ่งกว่าอื่นใดจะปาน
ถ้อยคำที่หวาน     เพราะได้ใกล้บังอร
         แต่คำของชาย     หวานนักมักกลาย     ไม่มีอะไรแน่นอน
พี่ไม่ยอกย้อน    ไม่เคยจักช้อน     รักเพื่อสำราญ
         ถ้อยคำชี้แจง     ฟังเคยแล้วยิ่งแคลง     ว่ารักจำแลงรักราน
เชื่อเถอะนงคราญ     เราควรสมาน     มาสมัครยินยอม
         ขอจงรักจริง     อย่าทิ้งรักไว้     ให้ต้องระทมตรมตรอม
พี่จะถนอม     ให้รักหวานหอม     อยู่ทุกวันคืน

บุเรงนองลั่นกลองรบ

      ...ทุง ยา บา เล ,ทุง ยา บา เล        ทุงยาบาเล ,ทุงยาบาเล   ทุงยาบาเล ,ทุงยาบาเล
      เป่าปี่ตีฆ้องลั่นกลองศึกรบ จะพบคนงามด้วยความแค้นใจ        จะหมายชิงชัยกุสุมา
สร้างเวรกรรมไว้เจ็บใจยิ่งหนอ  เจ้าสอพิณยาข้าทนโศกา ข้าหมายมั่นมาบุกตะเลง
      กลองศึกรัวพลันไม่หวั่นเกรง  ฟังคล้ายเพลงชะชะช่า  สะท้านพสุธาแดนฟ้าเมืองแปร
กลองศึกรัวพลันไม่หวั่นเกรง  ฟังคล้ายเพลงชะชะช่า สะท้านพสุธาแดนฟ้าเมืองแปร
      บุเรงนองร้อนรุ่มในดวงแด ถ้ารักข้าแพ้เป็นตายสู้กัน
เกณฑ์โยธายกมาในเร็ววัน รับมิ่งขวัญทรามวัยกุสุมา
      เป่าปี่ตีฆ้องลั่นกลองศึกรบ  จะพบคนงามด้วยความแค้นใจ จะหมายชิงชัยกุสุมา
สร้างเวรกรรมไว้เจ็บใจยิ่งหนอ  เจ้าสอพิณยาข้าทนโศกา ข้าหมายมั่นมาบุกตะเลง
      กลองศึกรัวพลันไม่หวั่นเกรง ฟังคล้ายเพลงชะชะช่า สะท้านพสุธาแดนฟ้าเมืองแปร
กลองศึกรัวพลันไม่หวั่นเกรง ฟังคล้ายเพลงชะชะช่า สะท้านพสุธาแดนฟ้าเมืองแปร
      บุเรงนองร้อนรุ่มในดวงแด ถ้ารักข้าแพ้เป็นตายสู้กัน
เกณฑ์โยธายกมาในเร็ววัน รับมิ่งขวัญทรามวัยกุสุมา
      ทุงยาบาเล ทุงยาบาเล ทุงยาบาเล ทุงยาบาเล

ปทุมไฉไล
คำร้อง สุรัฐ พุกกะเวส      ทำนอง เวส สุนทรจามร

      ขวัญเอ๋ยเคยอาวรณ์ไฉน โอ้ปทุมไฉไล น้องเป็นขวัญใจของพี่
รักรื่นชื่นชมหวังภิรมย์โฉมยุพดี  ใจเดียวเท่านี้ น้องเป็นมิ่งขวัญพี่ ่เฉิดฉวีรัญจวน
      ฝันถึงใจคำนึงหวน เฝ้ากำศรวลถึงแต่เนื้อนวลของข้า
เหมือนกระต่ายน้อยหลงคอยสอยจันทรา        จันทร์ไม่ลอยจากฟ้า เหมือนดั่งกับตัวข้าใฝ่แลหาอนงค
      ร้าวรอนทรวงหนักหักใจไม่ลง  โอ้ยอดอนงค์รักของพี่นั้นคงหลงใฝ่       
เพียงอาวรณ์หัวใจร้อนรุ่ม โอ้ปทุมไฉไล ใจของพี่มอบไว้  ขอเป็นคู่ขวัญใจชื่นไฉไลใจภิรมณ์
      ถึงม้วยดินสิ้นสุดแม้สมุทรจ่อมจม ไม่สิ้นชมรักไม่สิ้นใจภิรมย์โฉมเจ้า
เพียงแลมองปองใจข่มได้ชมแต่เงา  ชวนให้ใจพี่เหงาคิดถึงแต่น้องเจ้า เฝ้าคอยขวัญเจ้าเอย

ปองดอกฟ้า

      คุณสวยคุณสูงดังยูงรำแพน  คุณสูงเกินแขนผมจะเอื้อมถึง 
คุณเป็นดอกฟ้าไกลกว่ามือผมยื้อแย่งดึง  บุญผมไม่ถึงที่ปรารถนา
      คุณสาวคุณสวย คุณรวยเงินทอง ตัวผมผยองมาปองดอกฟ้า 
คนจนอย่างผม ควรจะเจียมเหนียมอายศักดิ์กา        ผมยังเอื้อมมารักคุณจนได้
      ผมมิได้รักคุณที่งามหรือความร่ำรวย  ผมรักคุณด้วยดวงใจ
แต่ฟ้ายังหวงยังทวงตัวคุณ ผมบุญน้อยไป หากเอาแต่ใจโลกจะฉันทา
      ลืมผมให้พ้นผมจนเกินควร  ดอกฟ้าเลิศล้วนคุณควรคู่ฟ้า 
บุญมีไม่ถึงจึงหลีกทาง ร้างแรมเลิกลา  แหงนมองดอกฟ้าน้ำตาตกใน       

ปางหลัง
คำร้อง สุรัฐ พุกกะเวส      ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน

         ปางหลังฉันยังจำได้     ครั้งหนึ่งตรึงใจปางใดไม่เหมือน
ปางนั้นเหมือนสัมพันธ์เร้าเตือน     รักเจ้าบิดเบือนไม่เหมือนดังคำรำพัน
         ฟ้าเด่นแสงเดือน     ยิ่งเหมือนเร้าเตือนอาลัย
คืนหนึ่งคืนใด     เราเคยร่วมใจใต้แสงจันทร์
         แสนอาวรณ์     หลับนอนคะนึงนิรันดร์
โอ้ปางหลังนั้น     เหมือนหนึ่งสัมพันธ์คอยบั่นหัวใจ
         ยังจำคำเธอ     หม่นเหม่อแต่เธอเพ้อร่ำไป
เขาสูงกว่าพื้นดินแค่ไหน     อาจเอื้อมสูงไป  จึงครวญหวนไห้โศกศัลย์
         ปางหลังเหมือนดังปางโศก     ปางที่วิโยคปางโศกปางนั้น
ปางนี้ร้าวฤดีทุกวัน     รักพรากจากกัน  สุดสรรค์รำพันอันใด
         รักเก่าของเราอับเฉาเหมือนเงาร้าวรอน     สุดคลายถ่ายถอน  รักพาอาวรณ์สะท้อนใจ
แสนระทมขื่นขมเพราะเธอเลือนไกล     โอ้ยอดหัวใจ  ไม่ห่วงหรือไรจึงได้ร้างรา
         เราคนมีกรรม     ใฝ่ต่ำอย่าทำเผลอเพ้อพา
ร้อนรักโศกนักจักเอื้อมดอกฟ้า     จึงต้องร้างรา  น้ำตานองหน้าด้วยตรม

| หน้าแรก | ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |