ล่องใต้
(๖)
ผมไปหาดใหญ่ครั้งสุดท้ายเมื่อ ๔ ปีมาแล้ว ไปในฐานะกรรมการกลางเพื่อตัดสินการแข่งขันทำอาหาร
ของรายการครัวคุณหรีด อร่อย ๓ ซึ่งเป็นการแข่งขันชิงแชมป์ของภาคใต้ ภายหลังจากที่ได้แข่งขันภาคอื่น
ๆ ไปเรียบร้อยแล้ว ผลการแข่งขันปรากฎว่าจังหวัดปัตตานีเป็นแชมป์ของภาคใต้
อาหารที่ส่งเข้ามาแข่งขันคือ "นาซิ ตาแฆ" นาซิ แปลว่าข้าว ตาแฆ แปลว่า เขียง
หรือจะเรียกว่าข้าวราดแกง ตามภาษาภาคกลางก็ยังพอไหว สมัยที่ผมทำหน้าที่ มทภ.๔
ส่วนหน้า เช้า ๆ ผมออกไปซื้อหามากินจากในตลาดสดปัตตานีเป็นประจำ มีเจ้าอร่อยที่ใส่หาบมาขาย
ต้องซื้อกลับมากินที่ บก. ฯ รสชาติที่ซื้อจากตลาดปัตตานีกับที่เขาทำมาประกวดผิดกันไกล
เมื่อได้แชมป์ภาคใต้แล้ว เขาก็จัดการให้ทุกทีมที่เป็นแชมป์ของแต่ละภาคมาแข่งขันกันที่ห้างคาร์ฟู
ลาดพร้าว เพื่อชิงแชมป์ประเทศไทยอีกที ถ้าจำไม่ผิดภาคกลางชนะเลิศ รับรางวัลเงินสดห้าแสนบาท
และยังได้อบรมที่ห้างคาร์ฟู ที่ฝรั่งเศสอีกด้วย
วิ่งรถไปจากชุมพรผ่านพุนพิน (สุราษฎร์ธานี) ทุ่งสง (หากแยกขวาที่ทุ่งสงจะไปยังค่ายเทพสตรีศรีสุนทรและไป
จ.ตรัง) ผ่านพัทลุง (ตรงสี่แยกเลี้ยวซ้ายเข้าเมือง เลี้ยวขวาไป จ.ตรัง) ไปผ่านสี่แยกรัตภูมิ
(จตรงไปหาดใหญ่ เลี้ยวขวาไปสตูล) มาหิวข้าวมื้อกลางวันเอาจวนจะถึงทุ่งสงอยู่แล้ว
จำได้ว่าในตลาดจันดีมีร้านบะหมี่อร่อยนัก เคยมาเปิดสาขาในกรุงเทพ ฯ แต่ที่จอดรถไม่มีร้านจึงอยู่ไม่ได้
กลับไปครองตลาดจันดีตามเดิม วิ่งเข้าไปในตลาดจันดีสัก ๑๐๐ เมตร ร้านขนาดสองห้องจะอยู่ทางขวามือ
บะหมี่ เกี๊ยว น้ำ/แห้ง และยังมีข้าวหน้าไก่ ข้าวมันไก่ ข้าวหมูกรอบ
ผมพักที่หาดใหญ่คืนเดียว ไปถึงหาดใหญ่ไปสำรวจตลาดของฝากก่อน ตลาดที่ขาดไม่ได้ไปทีไร
หรือใครไปหาดใหญ่ต้องแวะทุกครั้งไป ไม่แวะถือว่าไม่ได้ไปหาดใหญ่ เมื่อก่อนเรียกกันติดปากว่า
ตลาดเฉลิมไทย เพราะชั้นบนเป็นโรงหนังชื่อ เฉลิมไทย ชื่อท้องถิ่นเรียก ตลาดกิมหยง
เดี๋ยวนี้คงไม่มีใครรู้จักชื่อตลาดเฉลิมไทยแล้ว
ถนนสายหลักดั้งเดิมของหาดใหญ่มีสายสำคัญอยู่ ๓ สาย หากมาหาดใหญ่ตามเส้นทางเดิม
มาข้ามสะพานข้ามทาง
รถไฟลงสะพานแล้ว
หากเลี้ยวซ้ายทันทีจะไปยังค่ายทหารและไปสงขลา หากตรงมาจะผ่านถนน ๓ สายคือ
สายแรกชื่อ นิพัทธ์อุทิศ ๑ วิ่งไปได้ทางเดียว เลยมาอีกนิดสายนิพัทธ์อุทิศ
๒ วิ่งมาจะชนกับตลาดกิมหยง เลยไปอีกจะเป็นสายนิพัทธ์อุทิศ ๓ ให้วิ่งไปได้ทางเดียว
สายนี้ตรงไปจะผ่านตลาดสันติสุข แหล่งของฝากซื้อติดมือกลับมาคือ
ตลาดกิมหยง
ถนนศุภสารรังสรรค์ ชั้นล่างส่วนมากเป็นของกิน เริ่มตั้งแต่ริมถนนทางเข้าตลาดจะเป็นผลไม้นานาชนิด
เช่น แอปเปิล สาลี่ ลูกแพร์ ลูกไหน ลองกอง ส้มโชกุน ฯ เข้าไปในตลาด พวกขนมปังต่าง
ๆ ช็อกโกแลต ลูกหลานชอบนัก อาหารสำเร็จรูปก็มีขายอยู่ตอนใน เช่น เป็ดย่าง
หมูย่าง เจ้าอร่อยคือ อดีต จคม.
ชั้นบน เป็นประเภทของใช้ เช่น แว่นตา นาฬิกา (ปลอม) แผ่นเกมส์ เสื้อผ้า เครื่องไฟฟ้า
มีจำหน่ายมากมาย ราคาย่อมเยา
ตลาดสันติสุข
เชื่อมระหว่างถนนนิพัทธ์อุทิศ ๒ - ๓ ด้านหน้าริมถนนก็เป็นหาบขายผลไม้ คล้าย
ๆ กับตลาดกิมหยง ตลาดสันติสุขเป็นแหล่งดั้งเดิม ที่ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด
ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ วิทยุ โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป
ด่านปาดังเบซาร์
คราวนี้ไปชายแดนกันเลย มีสินค้าปลอดภาษีมากมาย มีทั้งเครื่องสำอางค์ ของกิน
เครื่องไฟฟ้า สินค้าคล้าย ๆ กับที่ตลาดกิมหยง และสันติสุข
ด่านสะเดา
เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีสินค้าปลอดภาษีขาย แต่หนักไปพวกของกิน แต่มีร้านขายข้าวแกงหลายร้าน
และมีอาหารที่หากินยาก ที่แหล่งอื่นไม่มีคือ ไข่ครอบ
แถวสะเดามีแน่ หรือไม่เช่นนั้นต้องไปหากินตามร้านข้าวแกงใน อ.เมือง สงขลา
หรือในตลาดสดพอหาได้ ไข่ครอบเกิดจากชาวประมงสงขลา จะนำเอาไข่ขาวของไข่เป็ดมาหมักย้อมแห
และต้องใช้ไข่ขาวจำนวนมาก จึงมีไข่แดงเหลือมาก คิดหาวิธีเก็บไข่แดงเอาไว้กินได้นาน
ๆ จึงนำไข่แดง ๒ ฟอง หยอดลงในเปลือกไข่ใบเดียวกัน โรยเกลือลงไปเล็กน้อย แล้วนำเปลือกไข่อีกด้านหนึ่งมาครอบทิ้งไว้
๑ คืน รุ่งขึ้นก็นำไปนึ่งจนสุก รสชาติจะเค็มนิด ๆ มันหน่อย ๆ กินกับข้าวร้อน
ๆ ราดด้วยแกงรสสปักต์ใต้อร่อยนัก
ไก่ทอด เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงของ อ.เทพา แต่มาดังที่หาดใหญ่ เขาจะหมักไก่ลงในแป้งก่อน
แล้วปรุงด้วยน้ำตาล น้ำปลา ใส่พริกไทยให้มีกลิ่นหอมแล้วนำไปทอดจนกรอบ กินกับข้าวสวย
ไม่อร่อยเท่ากับกินข้าวนึ่ง มีขายแน่ที่ซอยตรงข้ามสันติสุข
หาดใหญ่นั้นไม่ใช่มีแต่แหล่งท่องเที่ยวในเมือง ซึ่งหาธรรมชาติไม่เจอ
แต่หากออกไปนอกตัวเมือง หรือเมื่อมาจากพัทลุงผ่านสี่แยกรัตภูมิมาแล้ว จนมาถึงอีกสี่แยกหนึ่ง
แยกนี้หากวิ่งตรงไปจะไปยัง อ.จะนะ ไปปัตตานี นราธิวาส ยะลา ได้ หากเลี้ยวซ้ายจะตรงมาเข้าเมืองหาดใหญ่ในเส้นทางเดิม
(เส้นทางใหม่มีทางแยกขวาเข้าเมืองได้) ในเส้นทางนี้แหละบริเวณบ้านหูแร่ มีทางแยกซ้ายมีป้ายบอกว่าไปน้ำตกโตนงาช้าง
เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ ๑๓ กม. จะถึงน้ำตกโตนงาช้าง ซึ่งอยู่ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง
เป็นน้ำตกที่มีหลายชั้นสวยงามมาก ในฤดูน้ำฝนน้ำมาก ในชั้นที่ ๓ น้ำจะพุ่งออกมาสองข้าง
จากเนินหินที่เหมือนหัวช้าง มองดูเหมือนงาช้าง แห่หากเป็นดูแล้งน้ำจะน้อย
น้ำจะพุ่งลงมาแต่ทางด้านขวา เลยกลายเป็นช้างงาเดียว
การเข้าไปชมน้ำตก พอผ่านด่านเก็บค่าบำรุงต้องจ่ายค่ารถคันละ ๓๐ บาท ส่วนคน
ๆ ละ ๒๐ บาท แล้วไปจอดที่ลานจอดรถมีที่จอดกว้างขวาง ขอบทางตรงไหล่เขามีร้านอาหารมากมาย
คงจะเกินสิบร้าน เมื่อสมัยกำลังขายังดี ผมเดินขึ้นไปได้หลายชั้น แต่ตอนไปครั้งสุดท้ายเดินขึ้นไปได้แค่ชั้น
๒ คือ น้ำตกโตนปลิว
จากลานจอดรถเดินไปตามทางคอนกรีต ข้ามลำธารที่มีสะพานคอนกรีตทอดข้าม แล้วเดินสบาย
ๆ ไปตามไหล่เขา เดินไปจนนถึงโตนบ้า
จากนั้นก็เดินทางดิน แต่ยังเดินได้สบาย ๆ อยู่นั่นแหละ เดินไต่เขาต่อไปจะถึงชั้น
๒ คือ โตนปลิว ไปครั้งหลังผมพิจารณาตัวเองแล้ว ไม่ควรให้ลำบากคนอื่นที่อาจจะต้องหามผมลงมา
เลยขึ้นไปแค่ชั้น ๒ โตนปลิว แต่ก็มองเห็นโตนงาช้าง สมใจแล้ว และคิดว่าหากไปอีกคราวนี้
คงชมแต่ชั้นหนึ่งคือ แค่ "โตนบ้า" น่าจะพอ โตนงาช้าง นั้นต้องเดินต่อจากโตนปลิว
ไปอีก ๔๕๐ เมตร ผมเคยขึ้นไปยกมือชูแขน ไชโยบนนั้นมาแล้ว น้ำตกโตนงาช้างมีรวมกันทั้งหมด
๗ ชั้น ผมเคยขึ้นไปแค่ชั้นโตนงาช้าง ได้แค่นั้นก็หมดแรง สมัยที่เรี่ยวแรงยังมาก
ๆ ก็ยังไม่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่พัฒนา จึงไม่มีโอกาสไป เหมือนสมัยหนุ่มๆ
เป็นครูสอนวิชาแผนที่ปืนใหญ่ ผมวิ่งขึ้นเขาวงพระจันทร์ได้ภายใน ๑๕ นาที แต่มาขึ้นตอนปลดเกษียณ์แล้ว
ต้องใช้เวลาตะกายขึ้นไป ๒ ชั่วโมง จึงได้ไปไหว้พระและไปกินข้าวต้มร้อนๆ
ของวัดที่ทำเลี้ยงคนหมดแรง และนิยมขึ้นไปไหว้พระกันยามดึก พอกลับลงมาก็ใกล้สว่าง
จะมีพระมาเข้าแถวรอรับบาตร ซึ่งเขาวงพระจันทร์ โคกสำโรง ลพบุรี จะมีงานประจำปีตอนตรุษจีน
ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ขออภัยที่ออกนอกเรื่องไป
เมื่อก่อนข้างทาง ก่อนจะข้ามสะพานมาน้ำตกจะมีไก่ย่าง ที่เรียกว่า ไก่กอและ
ปิ้งขายอยู่ เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว มีแต่ร้านอาหาร แต่ไม่มีไก่กอและ ย่างขาย
น้ำตกโตนงาช้าง มีอยู่ด้วยกันรวม ๗ ชั้น คือ โตนบ้า
ชั้นต่อไปคือ โตนปลิว
ชั้นสำคัญคือ ชั้นที่ ๓ ต้องไปอีก ๔๕๐ เมตร ชื่อ โตนงาช้าง
ต่อไปอีก ๔๐๐ เมตร ชั้นที่ ๔ ชื่อ โตนดำ
ชั้นที่ ๕ ไกลออกไปอีก ๑ กม. ชื่อ โตนน้ำปล่อย
ชั้นที่ ๖ ไปอีก ๓,๐๐๐ เมตร ชื่อ โตนฤาษีคอยบ่อ ชั้นที่ ๗ ชั้นสุดท้าย ไปอีก
๑,๓๐๐ เมตร ชื่อ โตนเหม็ดขุน
วัดหาดใหญ่ใน
ตั้งอยู่ในซอยเพชรเกษม ๒๖ ภายในประดิษฐานพระพุทธหัตถมงคล ซึ่งเป็นพระพุทธไสยาสน์
หรือพระนอนองค์ใหญ่ ยาว ๓๕ เมตร ชาวหาดใหญ่เคารพนับถือกันมาก
แหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งที่ไม่ควรข้ามไปคือ สวนสาธารณะหาดใหญ่
เส้นทางไปสวนสาธารณะ หากไปจากหาดใหญ่ ไปตามเส้นทางไปสงขลาเส้นเดิมคือ เส้นที่ข้ามสะพานข้ามทางรถไฟมาแล้ว
ก็เลี้ยวซ้ายทันที วิ่งมาถึงวงเวียนเลี้ยวขวา จะวิ่งไปบรรจบกับถนนสายไป อ.สะเดา
ได้ ให้เลี้ยวซ้าย ผ่านหน้าค่ายเสนาณรงค์ ผ่านโรงพยาบาลค่าย ฯ มณฑลทหารบก
กรมและกองพันทหารราบ ซึ่งทุกหน่วยจะอยู่ทางขวามือ เลยหน่วยทหารไปก็จะถึงประตูเข้าสวนสาธารณะประตูแรก
หากเลี้ยวเข้าประตูนี้ จะไปตามถนนที่ขึ้นสู่บนเขา ถนนลาดยางอย่างดี กว้างพอที่รถจะวิ่งสวนกันได้
เมื่อขึ้นไปแล้ว ก็จะถึงศาลพระโพธิสัตว์กวนอิม ปางประทานพร สร้างด้วยหินหยกสีขาว
ศาลแห่งนี้ นายกเทศมนตรีหาดใหญ่ คนที่เป็นนานที่สุด เป็นหลายสมัยพร้อมด้วยคณะเทศมนตรี
พ่อค้า ข้าราชการและประชาชน ร่วมใจกันสร้างถวายในหลวง ที่ครองราชสมบัติครบ
๕๐ ปี
องค์พระโพธิสัตว์ ประทับเด่นอยู่ตรงกลาง และล้อมรอบฐานด้วย พระโพธิสัตว์กวนอิม
องค์เล็กอีก ๙๐๐ องค์ ทำให้ดูศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น
ภายในอาคารของศาล ยังมีเซียนประจำแปดทิศ เช่น ท้าววิรุฬหก ท้าววิรุฬปักษี
ท้าวกุเวร เป็นต้น
ทางด้านขวาของศาลคือ ร้านขายดอกไม้ ธูปเทียน ขายของที่ระลึก ขายรูปหล่อเจ้าแม่
มีเทปเพลงสวดภาษาธิเบต ผมชอบซื้อเอาไว้ฟังในรถ จะได้ขับใจเย็น ๆ
จากลานพระโพธิสัตว์ ไปทางขวารถวิ่งขึ้นได้สะดวก เพื่อขึ้นไปนมัสการพระพุทธรูปประจำเมืองหาดใหญ่คือ
พระพุทธมงคลมหาราช
ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้ สร้างไว้บนยอดเขา บอกว่าเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร
ที่หุ้มทองคำ "ใหญ่ที่สุดในโลก" เป็นพระพุทธรูปที่งดงามมากจริง ๆ
บริเวณลานบนยอดเขานี้ จะสามารถชมทิวทัศน์ของเมืองสงขลา ชมท้องทะเล
กลับลงมาจากยอดเขา ออกจากประตูสวน แล้วเลี้ยวขวาเพื่อไปเข้าประตูที่สอง ที่อยู่เลยออกไปอีกหน่อยหนึ่ง
หากเข้าสวนสาธารณะทางประตูที่สอง ก็จะมีทางเลี้ยวขวาขึ้นเขาไปยังศาลพระพรหม
ที่สร้างไว้บนเขา รถขึ้นได้สะดวก แต่หากเข้าไปแล้ว เลี้ยวซ้ายจะผ่านสระน้ำ
และสวนสวยที่ริมน้ำ เลยต่อไปก็จะถึงลานพระบรมรูปรัชกาลที่ ๕ ที่สร้างพระบรมรูปเอาไว้บนเชิงเขา
ประทับนั่งเด่นเป็นสง่า
หาดใหญ่วันนี้ ต่างกับสมัยผมอยู่ภาคใต้อย่างเห็นได้เด่นชัดคือ รถ รถมากเหลือเกิน
ถนนสายสำคัญคือ นิพัทธ์อุทิศ ๑,๒ และ ๓ เข้าขั้นรถติดแล้ว
บางท่านอาจจะสงสัยว่า หาดใหญ่ไม่ได้อยู่ติดทะเลแต่ทำไม จึงตั้งชื่อว่าหาดใหญ่
มีที่มาหรือสันนิษฐานได้ดังนี้ ประการแรก เชื่อว่ามาจากลักษณะของหาดทรายขนาดใหญ่
ริมคลองอู่ตะเภา ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของที่ว่าการ อ.หาดใหญ่ ปัจจุบัน อีกข้อหนึ่งสันนิษฐานว่า
มาจากชื่อ ต้นมะหาด ซึ่งเป็นต้นไม้พื้นเมืองขนาดใหญ่
มาหาดใหญ่ยามเช้า ต้องหาโอากสไปกิน บะกุ๊ดเต๋ คือ โครงหมูตุ๋นยาจีน หอมกรุ่นชวนกิน
ชวนซดนัก ต้องกินกับข้าวสวยร้อน ๆ และต้องใช้ตะเกียบพุ้ยด้วย จึงจะเข้ากัน
ใช้ตะเกียบไม่เป็นเอาช้อนตักเอาก็แล้วกัน บะกุ๊ดเต๋ มักจะขายยามเช้าไปจนสาย
หรือเที่ยง มื้อค่ำไม่เห็นมีขาย หรือผมตะเวนหาไม่เจอก็ไม่แน่ใจ ผมชิมบะกุ๊ดเต๋
เป็นประจำอยู่ ๒ ร้าน รับรองว่าอร่อยกว่าไปนั่งกินที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นต้นตำรับของบะกุ๊ดเต๋
เส้นทาง หากตรงมาจากหลังสถานีรถไฟ ตัดถนนนิพัทธ์อุทิศ ๑,๒ และ ๓ มาแล้ว ตรงต่อมาทางซ้ายจะเป็นโรงเรียนแสงทอง
(เมื่อก่อนเป็นโรงแรมอิมพีเรียล) ร้านบะกุ๊ดเต๋อยู่ตรงหัวมุมถนนทางขวา มีรถเข็นขายอาหารหลายร้าน
นอกจากบะกุ๊ดเต๋แล้ว ยังมี กระเพาะหมู ข้าวอบเผือก จับฉ่าย ขาหมูเห็นหอม ปลาต้มบ๋วย
เป็ดอบขิง ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ สั่งบะกุ๊ดเต๋เสริฟมาในชามร้อนโฉ่
ต้องสั่งข้าวสวยร้อน ๆ มาด้วยและคู่กัน ต้องไม่ลืมสั่งชาจีน เขาจะยกชามชาจีน
มาให้เลือกจะเอาซองไหน เลือกไว้แล้ว เขาก็จะยกเตาถ่านไฟแดงมาให้ พร้อมกับกาน้ำร้อน
ที่มีน้ำร้อนที่เดือดแล้ว มาให้ด้วย เอาน้ำร้อนลวกใบชา ที่ฉีกออกจากซองใส่กาชาไว้เสียก่อน
ลวกทิ้งไว้สัก ๒ - ๓ นาที แล้วเทน้ำทิ้ง จึงชงน้ำร้อนลงในกาชา ยกถ้วยชาใบน้อยจิบน้ำชา
จะได้รสได้กลิ่นที่หอมกรุ่น และที่ขาดไม่ได้อย่าลืมสั่งคือ ปลาท่องโก๋ จะเพิ่มขาหมูเห็ดหอม
กับจับฉ่ายด้วยก็ดี บะกุ๊ดเต๋ชั้นดี น้ำซุปต้องร้อนจัด หอมกรุ่น และเนื้อที่ติดโครงหมูต้องเปื่อย
ใช้ตะเกียบคีบเอามาใส่ปาก จิ้มซีอิ๊วดำ ตามด้วยพริกชี้ฟ้าสด
ร้านบะกุ๊ดเต๋ อีกร้าน ขายตอนเช้าเช่นเดียวกัน ร้อนออกจะหายาก หากหาร้านพบ
จะคุ้มค่าต่อการตามไปกิน ไปได้หลายเส้นทาง ผมจะลองบอกทางที่ไปค่อนข้างง่ายไว้ให้
เข้าถนนนิพัทธ์อุทิศ ๑ วิ่งไปจนสุดทาง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนศรีภูวนารถ (ก่อนสุดถนนทางซ้ายคือ
ร้านอาหารมุสลิม ต้นตำรับ) ตรงหัวมุมถนนคือ ร้านอาหารจีน มองทางขวาไว้
พอเห็นธนาคารออมสิน เลี้ยวซ้ายตรงเรื่อยไป ผ่านโรงแรมหาดใหญ่เมอร์ลิน ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ
เจ้าตำรับบะกุ๊ดเต๋ จากสุไหงโกลก ร้านนี้เขาบอกราคาไว้บนกระดานข้างฝาว่า กิน
๒ คน ราคา ๑๒๐ บาท สั่งแล้วเขาจะยกหม้อดินใส่บะกุ๊ดเต๋ มาให้ น้ำซุปวิเศษสุด
ๆ ไม่ใช่มีแต่ซี่โครงหมู ยังมีขาหมู เครื่องในหมู ผักกาดขาว ฟองเต้าหู้ เห็ดเข็มทอง
พริกสด ปาท่องโก๋ มาให้พร้อม