|หน้าแรก|ย้อนกลับ |หน้าต่อไป|ชาติไทย|ศาสนา|พระมหากษัตริย์| |
ศาสนพิธีในงานของทางราชการ
วันจักรีตรงกับวันที่ ๖ เมษายนของทุกปี ทางราชการประกาศเป็นวันที่ระลึกจักรี
หยุดราชการหนึ่งวัน วันนี้เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
องค์พระปฐมกษัตริย์แห่ง
พระบรมราชจักรีวงศ์ เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติกรุงรัตนโกสินทร์
ทางราชการจัดให้มีงานเป็นรัฐพิธี แต่ไม่มีพิธีทางศาสนา คงมีแต่พิธีถวายสักการบูชา
พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ที่เชิงสะพานปฐมราชานุสรณ์
(สะพานพุทธยอดฟ้า) และเปิดปราสาทพระเทพบิดรในพระบรมมหาราชวังให้ข้าราชการ
และประชาชนทั่วไป ไปถวายสักการะบูชา พระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลาที่พระบรมราชานุสรณ์
ทรงจุดธูปเทียนถวายสักการะบูชา แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ
วันนี้มีการชักและประดับธงชาติตามสถานที่ราชการ และอาคารบ้านเรือนราษฎร เป็นการเฉลิมฉลองและระลึกถึงวันแรกประดิษฐานพระราชวงศ์จักรี
งานวันฉัตรมงคล
เป็นวันคล้ายวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ
โดยประกอบการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณขัติยราชประเพณี ปัจจุบันตรงกับวันที่
๕ พฤษภาคม
งานวันฉัตรมงคล เป็นงานพระราชพิธี เรียกว่า พระราชพิธีฉัตรมงคล เป็นงานเฉลิมสมโภชในวันบรมราชาภิเษก
โดยจัดให้มีการพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในวันที่ ๓ พฤภาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เจ้าพนักงานเชิญโกศพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมราชบูรพการี
ขึ้นประดิษฐานเหนือพระราชบัลลังก์ ภายใต้นพปดลมหาเศวตฉัตร และเชิญพระพุทธรูปประจำพระชนวารคู่พระบรมอัฐิประดิษฐานในพระที่นั่งบุษบกมาลา
ประกอบด้วยเครื่องบรมอิสริยราชูปโภค พร้อมสรรพ ตอนบ่ายเมื่อได้เวลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการแล้ว
ทั้งสองพระองค์ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ
กราบบังคมพระบรมอัฐิ พระสงฆ์ ๒๒ รูป สวดพระพุทธมนต์
จบแล้ว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม พระราชาคณะถวายพระธรรมเทศนากัณฑ์หนึ่งจบแล้ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมกัณฑ์เทศน์ แล้วทรงทอดผ้า
พระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์พระบรมอัฐิ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา
งานวันนี้แต่งเครื่องแบบครึ่งยศ
วันที่ ๔ พฤษภาคม เจ้าพนักงานเตรียมการพระราชพิธีฉัตรมงคล ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
เชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์
ประดิษฐานที่ม้าหมู่พระแท่นมุก และเชิญเครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์ขึ้นประดิษฐาน
ณ พระแท่นนพปดลมหาเศวตรฉัตร ตอนบ่ายเมื่อได้เวลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องสักการแล้วสมเด็จพระราชาคณะถวายศีล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนเครื่องทองน้อยบูชาราชกกุธภัณฑ์ พระครูสตานันทมุนี
หัวหน้าพราหมณ์ อ่านประกาศพระราชพิธีฉัตรมงคลแล้ว พระสงฆ์
๒๐ รูป เจริญพระพุทธมนต์ จบแล้วถวายอดิเรก ถวายพระพรลา
เสด็จพระราชดำเนินกลับ งานวันนี้แต่งเครื่องแบบครึ่งยศ
วันที่ ๕ พฤษภาคม ตอนเช้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า
ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ
สมเด็จพระราชาคณะถวายศีล
พระสงฆ์ ๒๐ รูปถวายพรพระ จบแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์รับพระราชทานฉันเสร็จแล้ว
ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม พระสงฆ์อนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยบูชาราชกกุธภัณฑ์
พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชนพปฎลมหาเศวตฉัตรสิริราชกกุธภัณฑ์ พนักงานประโคมฆ้องชัย
สังข์ แตร บัณเฑาะว์ และดุริยางค์แล้ว พราหมณ์เจิมนพปฏลมหาเศวตฉัตร โหรผูกผ้าสีชมพู
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระสุหร่ายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ
งานตอนนี้แต่งเครื่องแบบปกติขาวประดับเหรียญ
เวลา ๑๒ นาฬิกา ทหารบก ทหารเรือ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ ๒๑ นัด
ตอนบ่าย เวลาประมาณ ๑๖ นาฬิกา ๓๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า
ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับพระราชบัลลังก์
หน้าพระแท่นนพปฏลมหาเศวตฉัตร เจ้าพนักงานชูพุ่มดอกไม้ทองเป็นสัญญาณ ชาวประโคมกระทั่งแตรมโหรทึก
ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เมื่อสุดเสียงประโคมแล้ว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฯ แก่พระราชวงศ์
และข้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จขึ้น เจ้าพนักงานได้สัญญาณชาวประโคมกระทั่งแตรมโหรทึก
ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง
ไปเทียบยังประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระอุโบสถ
ทรงจุดธูปเทียนถวายนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร และพระพุทธรูปฉลองพระองค์
แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยังปราสาทพระเทพบิดร
ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ ถวายบังคมสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช
แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับรถยนต์พระที่นั่งที่ประตู เกยหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ วันนี้แต่งกายเต็มยศสวมสร้อยจุลจอมเกล้า
ทางราชการกำหนดเป็นวันหยุดราชการหนึ่งวัน มีการชักธง และประดับธงชาติตามสถานที่ราชการและอาคารบ้านเรือน
เป็นการเฉลิมฉลอง
งานวันพืชมงคล
งานวันพืชมงคล แต่เดิมเป็นงานสองงานติดต่อกัน คืองานพิธีพืชมงคล และพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
พิธีพืชมงคลเป็นพิธีของสงฆ์ คือเอาข้าวเปลือก ถั่ว งา และพืชพันธุ์ธัญญาหารต่าง
ๆ มาเข้ารวมไว้ในพิธี พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ในตอนเย็นที่ท้องสนามหลวง
รุ่งขึ้นเช้าวันแรกนาขวัญ พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ แล้วรับพระราชทานฉัน ส่วนงานพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเป็นพิธีพราหมณ์
เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๕ ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญถูกยกเลิกไป
คงเหลือแต่พิธีพืชมงคล และเรียกงานนี้ว่างานรัฐพิธีพืชมงคล ไม่ได้กำหนดวันไว้แน่นอนเหมือนรัฐพิธีอื่น
แต่ตกอยู่ในเกณฑ์ต้นเดือนหก โหรหลวงจะเป็นผู้หาฤกษ์ว่าในเดือนนั้นวันใดจะเป็นฤกษ์พืชมงคล
ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๐๓ รัฐบาลได้ฟื้นฟูให้มีพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญขึ้นเช่นแต่ก่อน
จึงจัดเป็นงานสองวัน วันแรกเป็นพิธีพืชมงคล สวดมนต์ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
รุ่งขึ้นเป็นวันประกอบพิธีพราหมณ์ จรดพระนังคัลแรกนาขวัญที่ท้องสนามหลวง พระยาแรกนาให้อธิบดีกรมการข้าวเป็นพระยาแรกนา
ต่อมาเมื่อยุบกรมการข้าวแล้ว ให้ปลัดกระทรวงเกษตร ฯ เป็นพระยาแรกนา
ต่อมาได้โปรดเกล้า ฯ ให้รับงานรัฐพิธีพืชมงคล เป็นงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
มีงานสองวันดังนี้
วันแรก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
เสด็จพระราชดำเนินขึ้นสู่พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงจุดธูปเทียนกราบนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร
และพระพุทธรูปสำคัญ พระราชาคณะถวายศีล
จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสุหร่าย ถวายดอกไม้บูชาพระพุทธคันธารราษฎร์
ทรงอธิษฐานเพื่อความสมบูรณ์แห่งพืชผลของราชอาณาจักรไทยแล้ว พระครูสตานันทมุนีหัวหน้าพราหมณ์
อ่านประกาศพระราชพิธีพืชมงคล พระสงฆ์ ๑๑ รูป
เจริญพระพุทธมนต์จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงหลั่งน้ำสังข์ ทรงเจิมพระราชทานธำรงค์กับพระแสงปฏัก สำหรับพระยาแรกนาขวัญแล้วทรงหลั่งน้ำสังข์
ทรงเจิมพระราชทานเทพีผู้จะเข้าในการพระราชพิธี ฯ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา
พนักงานประโคมฆ้องชัยเครื่องดุริยางค์แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม
พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระอุโบสถ เสด็จพระราชดำเนินกลับ วันนี้แต่งกายเครื่องแบบครึ่งยศ
วันที่สอง เวลาประมาณ ๗ นาฬิกา ๓๐ นาที (ตามฤกษ์) โปรดเกล้า ฯ ให้พระยาแรกนา
ขึ้นรถยนต์หลวงที่หน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปยังพิธีมณฑลท้องสนามหลวง แล้วเดินขบวนอิสริยยศแห่ไปส่งที่โรงพิธีพราหมณ์
จุดธูปเทียน สักการะเทวรูปสำคัญ แล้วตั้งสัตยาอธิษฐานหยิบผ้านุ่งแต่งกายไว้พร้อม
เวลา ๘ นาฬิกา ๓๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ
พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระตำหนักจิตรลดา
ฯ ไปยังพลับพลาท้องสนามหลวง พระยาแรกนาจะได้ยาตราพร้อมเทพี ออกจากโรงพิธีพราหมณ์
มีราชบัณฑิต และพราหมณ์นำผ่านพลับพลาพระที่นั่ง พระยาแรกนาเข้าทูลละอองธุลีพระบาท
ถวายบังคม แล้วไปยังลานแรกนา เจ้าพนักงานจูงโคเทียมแอก พระยาแรกนาเจิมโค และไถ
แล้วจึงไถดะไปโดยรีสามรอบ โดยขวางสามรอบ หว่านธัญพืช โหรลั่นฆ้องชัย แล้วไถกลบอีกสามรอบ
พนักงานปลดโคออกจากแอก พระยาแรกนา และเทพีกลับไปยังโรงพิธีพราหมณ์ พราหมณ์เสี่ยงของกินเจ็ดสิ่งตั้งเลี้ยงพระโค
โหรหลวงจะได้ถวายคำพยากรณ์ เสร็จแล้วจะได้แห่พระยาแรกนา เป็นกระบวนอิสริยยศออกจากโรงพิธีพราหมณ์
พระยาแรกนาเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายบังคมแล้ว เข้ากระบวนไปขึ้นรถยนต์หลวงกลับไปกระทรวงเกษตร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินกลับ
วันนี้ แต่งกายเครื่องแบบปกติขาว ทางราชการกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการหนึ่งวัน
วันเฉลิมพระชนมพรรษา
งานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา มีทั้งพิธีสงฆ์ และพิธีพราหมณ์ พิธีโหรและสวดนพเคราะห์
เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา จะวงสายสิญจน์ รอบพระที่นั่ง อมรินทรวินิจฉัยโยงเข้าไปในพิธีมณฑล
รอบพระแท่นพระมหาเศวตฉัตร โยงไปรอบโต๊ะบูชาพระพุทธรูปไชยวัฒน์ เทวรูปนพเคราะห์
เทียนมหามงคล เทียนเท่าพระองค์ แล้วโยงไปที่อาสนสงฆ์ อีกสายหนึ่งโยงจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
เข้าสู่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วงรอบฐานองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร
โยงมาที่โต๊ะบูชา และโต๊ะบูชาเทวดาพระเคราะห์ แล้วโยงไปที่อาสนสงฆ์สวดนวัคคหายุสมธัมม์
สำหรับพระสงฆ์คือสวดนพเคราะห์ และโหรคือสวดบูชาเทพยดานพเคราะห์
บรรพชิตจีนนิกาย และอนัมนิกายถวายพระพร
จัดที่หน้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในตอนบ่ายของวันงาน ก่อนเวลา ๑๖
นาฬิกา ๓๐ นาที พระสงฆ์ทั้งสองนิกายถือพัดยศเข้ายืนเรียงแถวที่มุขหน้าพระอุโบสถ
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินถึงประทับยืนตรงหัวแถว
เจ้าคณะใหญ่ (ผลัดกันคณะละปี) ขึ้นสวดนำถวายพระพรชัยมงคลด้วยคำสวดฝ่ายมหายาน
จบแล้วเจ้าคณะใหญ่อีกฝ่ายหนึ่ง อ่านรายงานถวายพระพรชัยเป็นภาษาไทย เสร็จแล้วทูลถวายเทียนมังกร
พร้อมด้วยเครื่องสักการะบูชาตามธรรมเนียมฝ่ายมหายาน แล้วเสด็จขึ้นสู่พระอุโบสถ
พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี
พระพุทธรูปฉลองพระองค์ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ แล้วทรงจุดธูปเทียนที่พระสงฆ์สวดนวัคคหายุสมธัมม์
และเทียนที่บูชาเทพยดานพเคราะห์ สังฆการีอาราธนาพระปริตร
พระสงฆ์ห้ารูปเจริญพระพุทธมนต์
นวัคคหายุสมธัมม์ โหรสวดบูชาเทพยดานพเคราะห์ เสด็จลงสู่มุขหน้าพระอุโบสถ พระราชทานราชสังคหวัตถุ
คือพระราชทานเงินแก่ข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้สูงอายุตั้งแต่อายุ ๗๒ ปีขึ้นไป
แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย
การสวดมนต์ นวัคคหายุสมธัมม์ หรือสวดนพเคราะห์นั้น พนักงานโหรสวดชุมนุมเทวดาก่อน
จบแล้วสังฆการีจึงอาราธนาพระปริตร พระสงฆ์สวดมนต์เจ็ดตำนาน แต่ใส่สูตรตามลำดับนพเคราะห์
หยุดเว้นระยะให้โหรบูชาเทวดาพระเคราะห์ พอโหรบูชาจบลงก็สวดต่อสลับกันไปจนกว่าจะจบ
พอสวดจบก็กลับวัด วันรุ่งขึ้นจึงไปรวมกันกับพระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ ในการพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
๖๐ รูป เพื่อถวายพระพร และรับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
การทรงตั้งสมณศักดิ์
ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย สังฆการีนิมนต์พระสงฆ์ที่ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์
และได้รับสมณศักดิ์ขึ้นใหม่ เดินเรียงแถวเข้าไปรับพัดยศสัญญาบัตร และผ้าไตรจาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะที่ทรงประเคนตั้งแต่วาระแรก ไปจนถึงรูปสุดท้ายนั้น
พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ผู้ใหญ่ ๑๐ รูป มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานสวด ชยนฺโต
นำตั้งเรื่อยไปจนกว่าจะถึงรูปสุดท้าย พระสงฆ์ที่ได้รับเลื่อนและตั้งสมณศักดิ์ขึ้นใหม่
ออกไปครองผ้าข้างนอก เสร็จแล้วกับมานั่งยังอาสนะ รูปที่ได้รับสมณศักดิ์ชั้นสูงสุดตั้งพัด
รูปอื่นก็ตั้งพัดพร้อมกันขึ้น ยถา ฯลฯ จบลงเพียง สุขํ พลํ แล้วสมเด็จพระสังฆราชผู้เป็นประธาน
ถวายอดิเรกจบ ภวตุ สพฺ พมงฺคลํ ฯลฯ แล้วรูปที่สองถวายพระพรลาลุกกลับออกไป
พระสงฆ์ที่ได้รับสมณศักดิ์ใหม่ บางรูปที่เป็นพระราชาคณะชั้นสูง หรือเป็นพระราชาคณะหัวเมืองต้องรออยู่สวดมนต์ก่อน
ส่วนรูปที่ไม่ถูกสวดมนต์กลับวัดไป
การเจริญพระพุทธมนต์
มีจำนวน ๖๐ รูป นิมนต์คณะธรรมยุติ ๓๐ รูป คณะมหานิกาย ๓๐ รูป ตามลำดับสมณศักดิ์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนมงคล เทียนเท่าพระองค์ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูป
บูชาเทวรูปนพเคราะห์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ สังฆการี อาราธนาศีล ทรงศีลจบแล้ว
เสด็จ ฯ ขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระสยามเทวาธิราช แล้วเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
สังฆการีเข้าไปอาราธนาพระปริตร พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ การพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
พระสงฆ์รูปที่สาม ขัดตำนานชุมนุมเทวดา สรชฺชํ สเสนํ สพนฺธํ , นรินทํ
ปริตฺตานุภาโว สทา รกฺขตูติ ฯลฯ สคฺเค กาเม จ รูเป ฯลฯ ธมฺมสฺสวนกาโล อยมฺภทนฺตา
สมเด็จพระสังฆราชขึ้นนำสวดมนต์ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุทฺธสฺส พุทฺธํ
สรณํ คจฺฉามิ ฯลฯ ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
โย จกฺ ขุมา โมหมลาปกฏฺโฐ ฯลฯ สพฺพนฺตรายา จ วินาสเมนฺตุ
นโม อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส มเหสิโน ฯลฯ วิธิมฺหิโหมิ เตชวา
หยุดเพียงนี้แล้ว พระสงฆ์รูปที่สามตั้งพัดขัดตำนานสวด ธมฺจกฺกปฺวตฺตนสูตร
ขึ้นบท เย สนฺตา สนฺตจิตฺตา ติสรณสรณา ฯลฯ สห สพฺเพหิ ญาติภิ แล้วขัดต่อบทขัด
ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสูตร อนุตฺตรํ อภิสมฺโพธึ สมฺพุชฌิตฺวา ตถาคโต ฯลฯ เวยฺยากรณปาเฐน
สงฺคีตมฺภณามเห แล้วสวด ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสูตร จนจบ แล้วสวดเจ็ดตำนานย่อ อเสวนา
จ พาลานํ ฯลฯ ถึงบทมงคลสูตรนี้ เริ่มทำน้ำพระพุทธมนต์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จ
ฯ ไปทรงจุดเทียนที่หม้อน้ำมนต์ คือพระกริ่งครอบ แล้วทรงประเคนสมเด็จพระสังฆราช
ต่อไปสวดบท ยงฺกิญฺจิ วิตฺตํ อิธ วา หุรํ วา ฯลฯ ถึงวัตนสูตรบทนี้เริ่มหยดเทียนลงหม้อน้ำมนต์
พอสวดถึง นิพฺพนฺติ ธีรา ยถายมฺปทีโป ก็จุ่มเทียนลงในหม้อน้ำมนต์
ต่อไปสวดบท เมตญฺจ สพฺพโลกสฺมึ ฯลฯ คพฺภเสยฺยํ ปุนเรตีติ แล้วสวดบท อปฺปมาโณ
พุทฺโธ ฯลฯ นโม สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ แล้วสวดบท อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ
ฯลฯ ปุญญกฺเขตตํ โลกสฺสาติ แล้วสวดบท วิปสฺสิสฺส นมตฺถุ จกฺขุมนฺตสฺส สิริมโต
ฯลฯ พุทฺธํ วนฺทามิ โคตมนฺติ แล้วสวดบท ยโตหํ ภคินี อริยาย ชาติยา ชาโต นาภิชานามิ
ฯลฯ โสตฺถิ เตโหตุ สพฺพทา
ต่อไปสวดท้ายเจ็ดตำนาน นตฺถิ เม สรณํ อญฺญํ พุทฺโธ เม สรณํ วรํ ฯลฯ โหตุ เต
ชยมงฺคลํ แล้วสวดต่อ ยงฺ กิญจิ รตนํ โลเก วิชฺชติ วิวิธํ ปุถุ ฯลฯ ตสฺมา
โสตฺถี ภวนฺตุ เต แล้วสวดบท รตนตฺตยปฺปภาวสิทฺธิคาถา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ
โลกานํ อนุกมฺปโก ฯลฯ ธนุสฺฐาเนน สมฺปทาติ แล้วสวดบท ทุกฺ ขปฺปตฺตา จ นิทฺทุกขา
ฯลฯ คจฺฉนฺตุ เทวตาคตา สพฺเพพุทฺธา พลปฺปตฺตา ฯลฯ รกฺขํ พนฺธามิ สพฺพโส แล้วสวดบท
ภวตุสพฺพมงฺคลํ รกฺขนฺตุสพฺพเทวตา ฯลฯ สทา โสตถี ภวนฺตุเต แล้วขึ้นบท นกฺขตฺตยกฺขภูตานํ
ปาปคฺคหนิวารณา ฯลฯ หนฺตวา เตสํ อุปทฺทเว สวดมนต์จบแล้วฉันน้ำชา ตั้งพัดถวายอดิเรก
และถวายพระพรลาตามระเบียบพิธีหลวง
สวดถวายพระพรและรับประทานฉัน
รุ่งขึ้นจากวันพระราชพิธี หรือวันที่ ๖ ธันวาคม พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์
๖๐ รูป และพระสงฆ์ที่เจริญนวัคคหายุสมธัมม์ ๕ รูป เข้าสู่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
การฉันภัตตาหารในงานพิธีหลวงต้องใช้บาตรใส่ถลกด้วย สังฆการีจะรับบาตรไปตั้งที่โต๊ะสำหรับซึ่งอยู่หน้าอาสนสงฆ์
เวลา ๑๐ นาฬิกา ๓๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ
พระบรมราชินีนาถ เสด็จ ฯ ถึงพระบรมมหาราชวัง เสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณก่อน
ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระสยามเทวาธิราช และเสด็จออกพระที่นั่ง อมรินทรวินิจฉัย
ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปบูชา บูชาเทวรูปพระเคราะห์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทรงกราบแล้วประทับนั่ง
พระสงฆ์สวดถวายพระพร
สมเด็จพระสังฆราชขึ้นนำถวายพระพรด้วยบท นโม ตสฺส ภควโต ฯลฯ พุทฺธํ สรณํ
คจฺฉามิ ฯลฯ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
ค อิติปิโส
ภควา อรหํ สมฺมา สมฺพุทฺโธ ฯลฯ ปุญฺญัก เขตฺตํ โลกสฺสาติ
ค พาหุ ํ
สหสฺ สมภินิมฺมิตสาวุธนฺตํ ฯลฯ โมกฺขํ สุขํ อธิคเมยฺยนโรสปญฺโญ
ค มหาการุณิโก
นาโถ หิตาย สพฺพปาณินํ ฯลฯ ลภนฺตตฺเถ ปทกฺขิเณ
ค ภวตุ
สพฺพมงฺคลํ รกฺขนฺตุ สพฺพเทวตา ฯลฯ สทา โสตถี ภวนฺตุเต
สวดถวายพระพรจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จ
ฯ ไปทรงประเคนภัตตาหาร ทรงสนทนาอยู่จนกว่าพระจะฉันหวาน และน้ำชา จึงเสด็จไปประทับยังพระเก้าอี้
จากนั้นก็เป็นวาระที่ทรงสดับพระธรรมเทศนามงคลวิเศษกถา
ถวายเทศน์มงคลวิเศษกถา
นับว่าเป็นพิเศษต่างจากถวายเทศน์ในงานพระราชพิธีอื่น ๆ พระสงฆ์ผู้รับหน้าที่ถวายเทศน์มงคลวิเศษกถานี้
จะต้องนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระพระบรมราชานุญาตก่อน เมื่อมีพระบรมราชานุญาตลงมาแล้วก็ถือเป็นหน้าที่ประจำที่จะต้องถวายเทศน์ทุกปี
จนกว่าจะมีเหตุจำเป็น จึงกราบทูลขอพระบรมราชานุญาตเปลี่ยนรูปอื่น สำนวนเทศนามงคลวิเศษกถานั้น
โดยปกติก็พรรณาถึงพระราชกรณียกิจ และพระราชจริยาวัตรขององค์พระมหากษัตริยาธิราชเจ้า
ที่พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถในการดำเนินรัฐประศาสโนบายบริหารประเทศชาติ และปกครองพสกนิกรให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุข
โดยอาศัยหลักทศพิธราชธรรมจริยานุวัตรสิบประการ ท่านผู้ถวายเทศน์ต้องแต่งสำนวนเทศน์ให้เสร็จล่วงหน้า
พิมพ์สำเนาส่งให้สำนักพระราชวังนำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายก่อนวันงานพระราชพิธี
เป็นสำนวนเทศน์กัณฑ์ใหญ่มีเนื้อความมาก ต้องใช้เวลาถวายเทศน์ตั้งแต่ ๔๕ นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง
ถวายมงคลวิเศษกถาจบลงแล้ว จะลงจากธรรมาสน์มานั่งยังอาสนเดิมในแถว แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จ
ฯ ไปประเคนเครื่องไทยธรรมกัณฑ์เทศน์พร้อมทั้งใบปวารณาแล้วพระผู้ถวายเทศน์จึงสวด
ยถา วาริวหา ฯลฯ พระสงฆ์ทั้งหมดรับ สพฺพีติโย ฯลฯ
ค อคฺคปสาทสูตร
ค ยงฺกิญฺจิ
วิตฺตํ ฯลฯ
ค โส อตฺถ
ลทฺโธ ฯลฯ
ค ถวายอดิเรก
ค สพฺพพุทฺธานุภาเวน
ฯลฯ
เมื่อพระสงฆ์กลับออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า
ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินกลับ แต่พระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี
คณะรัฐมนตรี และบรรดาข้าราชการทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ และพลเรือน ต้องรออยู่เวียนเทียนสมโภชดวงพระบรมราชสมภพ
อีกระยะหนึ่ง พระครูหัวหน้าพราหมณ์ ตั้งพิธีบายศรี แก้ว ทอง เงิน บรรดาผู้ที่อยู่ในที่เฝ้า
ฯ ยืนเข้าแถวเรียงราย รอบพระมหาเศวตฉัตร รับแว่นเวียนเทียน แว่นแก้ว ทอง เงิน
จากพระมหาราชครู ส่งเวียนเทียนต่อกันไปจนครบถ้วนสามรอบ จึงเสร็จพิธีเวียนเทียนและกลับ
เวลา ๑๖ นาฬิกา ๓๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ ฯ มาสู่พระบรมมหาราชวังอีกวาระหนึ่ง
เสด็จ ฯ ออกท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท คณะทูตานุทูตต่างประเทศเข้าเฝ้ากราบบังคมทูล
ถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบ แล้วเสด็จกลับ
งานราชอุทยานสโมสร
เป็นงานเนื่องในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ทรงกำหนดให้จัดขึ้นในบ่ายวันที่
๘ ธันวาคมทุกปี ที่สนามหญ้าพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โปรดเกล้า
ฯ ให้ราชเลขาธิการพระราชวัง เชิญพระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี
คณะทูตานุทูต สมาชิกรัฐสภา ข้าราชการฝ่ายทหาร พลเรือน ตำรวจ ที่มียศตั้งแต่
พันเอก พันตำรวจเอก และข้าราชการพลเรือนชั้นเอกขึ้นไป ไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
บรรดาผู้ได้รับเชิญแต่งตัวด้วยครึ่งยศไปรอเฝ้าพร้อมกัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ
พระเจ้าลูกเธอ เสด็จพระราชดำเนินลงสู่สนามหญ้า ทั้งสองพระองค์เสด็จ ฯ ไปทรงปฏิสันถารตามลำดับ
เมื่อเสด็จผ่านแถวข้าราชการกระทรวงใด ปลัดกระทรวงพร้อมด้วยข้าราชการกระทรวงถวายความเคารพ
ปลัดกระทรวงกราบถวายบังคมทูลให้ทรงทราบว่าเป็นข้าราชการกระทรวงนั้น เมื่อเสด็จ
ฯ ไปทรงปฏิสันถารทุกกระทรวงแล้ว จึงเสด็จ ฯ เข้ากลางสนามทรงสนทนากับพระบรมวงศานุวงศ์
องคมนตรี และนายกรัฐมนตรี โปรดเกล้า ฯ พระราชทานเลี้ยงน้ำชา เครื่องว่าง ระหว่างนั้นนายกรัฐมนตรีกล่าวปราศรัยกราบบังคมทูลถวายพระพร
เชิญชวนผู้ที่มาในงานดื่มถวายพระพรชัยมงคล ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบ ทรงสนทนาปราศรัยกับพระบรมวงศานุวงศ์
และนายกรัฐมนตรี จนได้เวลาพอสมควรจึงเสด็จขึ้น
งานราชอุทยานสโมสรเว้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๖
งานพระราชพิธีที่โปรดเกล้า ฯ ให้จัดทุกปี ได้แก่การถวายพระพรของบรรพชิตญวนนิกาย
และจีนนิกายการสวดนพเคราะห์ การพระราชราชสังคหวัตถุ การทรงตั้งสมณศักดิ์ ซึ่งอาจโปรดเกล้า
ฯ ให้จัดวันหนึ่งวันใดที่ใกล้เคียงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษา มีการยิงปืนใหญ่เฉลิมพระชนมพรรษา
เวลา ๑๒.๐๐ น. สำนักพระราชวังจัดที่สำหรับลงพระนามถวายพระพร ในนามพระบรมมหาราชวัง
การแต่งกายของข้าราชบริพารที่ร่วมในการพระราชพิธี แต่งเครื่องแบบเต็มยศสายสะพายจุลจอมเกล้า
การลงนามถวายพระพรเครื่องแบบชุดปกติขาว ทางราชการกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการหนึ่งวัน
การมีการชักธง และประดับธงชาติตามสถานที่ราชการ
และอาคารบ้านเรือน กับตามประทีปโคมไฟในเวลากลางคืน
วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้า
ฯ พระบรมราชินีนาถ
ในตอนเช้าเป็นการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลส่วนพระองค์ นิมนต์พระสงฆ์เท่าพระชนมพรรษา เข้าไปรับพระราชทานอาหารบิณฑบาตที่พระตำหนักจิตรลดา
ฯ พระราชพิธีจัดให้มีที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
เจ้าหน้าที่สังฆการีจัดสายสิญจน์ปเข้าพิธี และถวายพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
พระสงฆ์ที่นิมนต์มาเจริญพระพุทธมนต์ ในพระราชพิธีนี้มีทั้งฝ่ายธรรมยุต และมหานิกาย
มีจำนวนเท่ากันหรือไล่เลี่ยกัน เจริญพระพุทธมนต์ตอนบ่าย รุ่งขึ้นรับพระราชทานฉันภัตตาหารเพล
เสร็จแล้วสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม สมเด็จพระราชาคณะนั้น
เสด็จไปทรงประเคนที่อาสนะกับที่นั่ง พระราชาคณะรองลงมาจากนั้นต้องลุกจากอาสนสงฆ์เรียงแถวเข้ารับ
เจ้าพนักงานจัดโต๊ะปูลาดผ้าขาวตั้งตรง ที่สมเด็จพระบรมราชินีนาถประทับยืน
พระสงฆ์ที่เข้ารับนำผ้ากราบไปยืนวางบนโต๊ะ สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงประเคนโดยทรงวางใบปวารณา
หรือเครื่องไทยธรรมลงบนผ้ากราบ พระสงฆ์รับประเคนแล้วกับไปนั่งยังอาสนสงฆ์ที่เดิม
สมเด็จพระสังฆราชถวายอนุโมทนา ยถา ฯลฯ สพฺพี ฯลฯ สา อทฺถลทฺธา ฯลฯ ถวายอดิเรก
ฯลฯ ภวตุ สพฺพมงฺคลํ ฯลฯ จบแล้วถวายพระพรลา
งานวันปิยมหาราช
วันที่ ๒๓ ตุลาคม เป็นวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้กำหนดการงานพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
เป็นการประจำปี งานนี้จัดเป็นงานวันเดียว มีสวดมนต์ ถวายเทศนา และสดับปกรณ์
พระสงฆ์สวดมนต์มี ๒๐ รูป ไม่ได้นิมนต์ตามเกณฑ์สมณศักดิ์ แต่นิมนต์โดยถือเกณฑ์วัดที่เกี่ยวกับ
พระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมอัฐิสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
และอัฐิสมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวีพระพันวสาอัยิกาเจ้า ส่วนพระสดับปกรณ์พระบรมอัฐิมีจำนวน ๕๗ รูป เช้าเป็นการเท่ากับพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระถวายเทศนานิมนต์จากพระราชาคณะชั้นสูง ตั้งแต่ชั้นรองสมเด็จพระราชาคณะลงมา
งานพระราชพิธีนี้ จัดที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย บางครั้งจัดที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
ไม่ต้องวงสายสิญจน์ และไม่ต้องตั้งหม้อน้ำมนต์ เพราะเป็นพระราชพิธีทักษิณานุปทาน
ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเกี่ยวด้วยพระบรมอัฐิ ไม่ใช่พระราชพิธีมงคล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จไปทรงวางพวงดอกไม้
ทรงจุดธูปเทียนเครื่องสักการะ กราบถวายบังคมพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
ฯ ที่ลานพระราชวังดุสิตก่อน แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระบรมมหาราชวัง
เสด็จเข้าสู่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการแล้ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องสักการะ
กราบถวายบังคมพระบรมอัฐิแล้วประทับนั่งยังพระเก้าอี้ พระสงฆ์ ๒๐ รูป สวดพระพุทธมนต์
จบแล้วนิมนต์พระขึ้นนั่งยังธรรมาสน์ อาราธนาศีล และอาราธนาธรรม เมื่อถวายเทศนาจบ
ยถา ฯลฯ บนธรรมมาสน์ สมเด็จพระสังฆราช หรือสมเด็จพระราชาคณะ ที่เป็นประธานในการสวดมนต์ตั้งพัด
รับ สพฺพี ฯลฯ จบแล้ว ทรงประเคนเครื่องไทยธรรมกัณฑ์เทศน์ ทรงพาดผ้าสดับปกรณ์
สังฆการีนิมนต์พระสงฆ์ที่สวดมนต์ไปนั่งยังอาสนสงฆ์เพื่อสดับปกรณ์ การสดับปกรณ์พระบรมอัฐินี้คงนั่งตามสมณศักดิ์
ไม่นั่งสลับตามเกณฑ์เหมือนสดับปกรณ์ผ้าคู่ในพระราชพิธีสงกรานต์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทรงทอดผ้าไตร
พระสงฆ์ว่า อนิจจา วต สงฺ ขารา ฯลฯ ชักผ้าสดับปกรณ์แล้วกลับไปนั่งยังอาสนสงฆ์ตามเดิม
สมเด็จพระสังฆราชถวายอดิเรก พระสงฆ์องค์สองขึ้นบท สพฺพพุทฺธานุภาเวน ฯลฯ อยยฺ
จโข ฯลฯ ภวตุ สพฺพมงฺคลํ ฯลฯ สถาโสตถี ภวนฺตุ เต แล้วสมเด็จพระราชาคณะ หรือพระราชาคณะรูปที่สอง
ถวายพระพรลาเสร็จแล้วลงจากอาสนเดินทางกลับ สังฆการีจะนิมนต์พระเข้าสดับปกรณ์ทีละชุดอีกครั้งหนึ่ง
กะให้พอดีกับจำนวนอาสนสงฆ์ งานนี้ปกติต้องมีมาติกา แต่จะไม่มีก็ได้สุดแต่ฝ่ายสำนักพระราชวังจะแจ้ง
ให้สังฆการีทราบ และสังฆการีจะเผดียงให้พระรูปที่เป็นหัวหน้าทราบอีกครั้งหนึ่ง
พระสงฆ์ที่เข้าสดับปกรณ์ชุดแรกเมื่อว่า อนิจฺจา วต สงฺ ขารา ฯลฯ ชักผ้าสดับปกรณ์เสร็จแล้ว
ต้อง ยถา ฯลฯ สพฺพี ฯลฯ ถวายอดิเรก ฯลฯ ภวตุ สพฺพ มงฺคลํ ฯลฯ จบแล้วรูปที่สามต้องถวายพระพรลา
แล้วลุกจากอาสนสงฆ์ไป พระสงฆ์ที่จะเข้าสดับปกรณ์ชุดต่อ ๆ ไปในงานเดียวกันนี้
ไม่ต้อง ยถา ฯลฯ สพฺพี ฯลฯ ไม่ต้องถวายอดิเรก ไม่ต้องถวายพระพรลา เพียงแต่ว่า
อนิจฺจา ฯลฯ ชักผ้าสดับปกรณ์ แล้วก็ลุกจากอาสนสงฆ์ออกไปได้
ในวันปิยมหาราช เป็นวันหยุดราชการหนึ่งวัน จะมีพิธีถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้าในกรุงเทพ
ฯ มีการวางพวงมาลา และถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้า ที่ลานหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม
พระราชวังดุสิต ในต่างจังหวัดมีงานพิธีบำเพ็ญกุศล ที่ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทั่วพระราชอาณาจักร
พิธีสงฆ์ในงานพิธีของทางราชการ
งานพิธีที่ทางราชการจัดขึ้น และได้กราบังคมทูลเชิญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
หรือสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เสด็จไปเป็นประธานในพิธี พิธีสงฆ์ในงานนี้ไม่มีสวดมนต์
หรือเจริญพระพุทธมนต์ ไม่มีฉันคงมีแต่เจริญชัยมงคลคาถาเมื่อเวลาทรงเปิดงาน
หรือพระราชทานปริญญาบัตรเท่านั้น แต่ต้องสวดชยันโตเรื่อยไปหลายจบ จนกว่าจะถึงผู้เข้ารับพระราชทานคนสุดท้าย
พระสงฆ์ที่นิมนต์ไปในงานเช่นนี้ โดยปกตินิมนต์พระราชาคณะที่เป็นเปรียญ ๙ ประโยค
เพราะถือว่าเป็นผู้สำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุด ทางฝ่ายปริยัติธรรมได้รับปริญญาเหมือนกัน
เมื่อสวดชัยมงคลคาถาจบ เจ้าภาพของงานนั้นเป็นผู้ถวายของ แล้วพระสงฆ์ ยถา ฯลฯ
ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก แต่ไม่ต้องถวายพระพรลา ในงานเช่นนี้ต้องใช้พัดยศ
เพราะเป็นงานที่เสด็จพระราชดำเนิน แต่ถ้าไม่ได้เสด็จพระราชดำเนินต้องใช้พัดรอง
เพราะไม่ใช่งานพระราชพิธี งานพระราชกุศล หรืองานรัฐพิธี นอกจากนี้ก็มีงานพิธีที่เสด็จพระราชดำเนินอีกหลายอย่าง
เช่นเสด็จในงานพิธีเปิดอาคาร พิธียกช่อฟ้าพระอุโบสถ พิธีวางศิลาฤกษ์
เป็นต้น งานพิธีเช่นนี้พระสงฆ์ที่นิมนต์ไปในงานต้องใช้พัดยศเหมือนกัน
ส่วนงานพิธีที่ทางราชการหรือส่วนงานราชการจัดขึ้นเอง ทำนองกับงานราษฎร์ทั่วไป
เมื่อจัดให้มีพิธีสงฆ์ เช่นทำบุญเลี้ยงพระ หรือนิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์
พระสงฆ์ที่ได้รับนิมนต์มาในงานเช่นนี้ จะไม่ใช้พัดยศคงใช้พัดรองเท่านั้น การดำเนินพิธีทั้งฝ่ายเจ้าภาพ
และฝ่ายสงฆ์คงเป็นเช่นเดียวกัน กับงานราษฎร์ทั่วไป จะมีแตกต่างกันแต่ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์
ตอนขึ้นต้นตำนาน ตั้งแต่ สรชฺชํ สเสนํ เท่านั้น
ตัวอย่างคำถวายอดิเรก
อติเรก วสฺสสตํ ชีวตุ (สามครั้ง)
ฑีฆายุโก โหตุ อโรโค โหตุ , ฑีฆายุโก , อโรโค โหตุ , สุขิโต โหตุ ปรมินฺทมหาราชา
สราชินี , สิทฺธิกิจฺจํ สิทฺธิกมฺมํ สิทฺธิลาโภ ชโย นิจฺจํ ปรมินฺทมหาราชวรสฺส
ราชินียา สห ภวตุ สพฺพทา ขอถวายพระพร
ตัวอย่างคำถวายพระพรลา
ขอถวายพระพรเจริญราชสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลพระชนมสุขทุกประการ จงมีแด่สมเด็จพระบรมบพิตรพระราชสมภาร
พระองค์สมเด็จพระปรมินทรธรรมิกมหาราชาธิราชเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เวลานี้สมควรแล้ว
อาตมภาพทั้งปวงขอถวายพระพรลา แด่สมเด็จพระบรมบพิตรพระราชสมภาร พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
ขอถวายพระพร
|หน้าแรก|ย้อนกลับ
|หน้าต่อไป|ชาติไทย|ศาสนา|พระมหากษัตริย์|บน
|