| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
| พัฒนาทางประวัติศาสตร์ | มรดกทางธรรมชาติ | มรดกทางวัฒนธรรม | มรดกทางพระพุทธศาสนา | |
จังหวัดลำปาง ได้กำหนดพื่นที่ป่าสงวนแห่งชาติไว้รวม ๓๓ ป่า มีพื้นที่ประมาณ
๕,๕๑๔,๐๐๐ ไร่ ประมาณร้อยละ ๗๐ ของพื้นที่จังหวัด มีอุทยานแห่งชาติ ๕ แห่ง
และวนอุทยาน ๖ แห่ง
กรมป่าไม้ได้จัดตั้งหน่วยพัฒนาต้นน้ำในเขตจังหวัดลำปางขึ้น ๔ หน่วย ได้แก่
หน่วยปรับปรุงต้นแม่น้ำวัง หน่วยที่ ๑ (แม่เจ้าฟ้า)
อำเภอแจ้ห่ม และอำเภอเมือง ฯ มีพื้นที่ประมาณ ๑๓๖,๐๐๐ ไร่
หน่วยปรับปรุงต้นน้ำ หน่วยที่ ๓ (แม่ห้อม)
อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย และอำเภอวังเหนือ มีพื้นที่ประมาณ ๑๐๒,๐๐๐ ไร่
หน่วยพัฒนาต้นน้ำ หน่วยที่ ๓๔ (ขุนงาว)
อำเภองาว มีพื้นที่ประมาณ ๑๓๖,๐๐๐ ไร่
โครงการพัฒนาป่าไม้ที่สูงหน่วยที่ ๗ (แม่เมาะ) อำเภองาว พื้นที่ประมาณ
๙๐,๐๐๐ ไร่
อุทยานแห่งชาติ
ในเขตจังหวัดลำปางมีอุทยานแห่งชาติ ๕ แห่งด้วยกัน รวมพื้นที่ประมาณ ๕๑๕,๐๐๐
ไร่ ดังนี้
อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย มีพื้นที่ประมาณ
๑๖๘,๐๐๐ ไร่ เดิมเป็นป่าสงวนแห่งชาติแล้วประกาศทับซ้อนเป็นอุทยานแห่งชาติ
เต็มพื้นที่ของป่าสงวนแห่งชาติจำนวน ๔ ป่า ได้แก่ ป่าสงวนแห่งชาติแม่จางใต้ฝั่งซ้าย
ป่าสงวน ฯ แม่ทาน ป่าสงวน ฯ แม่เสิม - แม่ปา และป่าสงวน ฯ แม่จางฝั่งซ้าย
มีพื้นที่บางส่วนของอุทยาน ฯ อยู่ในเขตจังหวัดแพร่
อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน
มีพื้นที่ประมาณ ๓๓๑,๐๐๐ ไร่ ประกาศทับซ้อนป่าสงวนแห่งชาติ ๒ แห่งคือ ป่าสงวน
ฯ แม่ตุ๋ยฝั่งขวา และป่าสงวน ฯ แม่สุกแม่สอย
อุทยานแห่งชาติแม่ยม
มีพื้นที่ประมาณ ๘,๐๐๐ ไร่ ประกาศทับซ้อนเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่งาวฝั่งซ้าย
และมีบางส่วนอยู่ในเขตจังหวัดแพร่
อุทยานแห่งชาติดอยหลวง
มีพื้นที่ประมาณ ๑๘๗,๐๐๐ ไร่ ประกาศทับซ้อนเขตป่าสงวนแห่งชาติขุนวังแปลงที่
๑,๒,๓ ป่าแม่โป่ง และป่าแม่งาวฝั่งซ้าย มีบางส่วนอยู่ในเขตจังหวัดพะเยา และเชียงราย
อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล
มีพื้นที่ประมาณ ๑๒๐,๐๐๐ ไร่ เดิมเป็นป่าสงวนแห่งชาติ มีบางส่วนอยู่ในเขตจังหวัดลำพูน
สำหรับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามีอยู่แห่งเดียว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขตดอยผาเมือง
มีพื้นที่ประมาณ ๘๗,๐๐๐ ไร่ ประกาศทับซ้อนป่าสงวน ฯ ป่าแม่ยาว และมีบางส่วนอยู่ในเขตจังหวัดลำพูน
ภูเขาไฟลำปาง
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๐ ได้มีการสำรวจร่องรอยของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ บริเวณลุ่มแม่น้ำจางโดยสถาบันสแกนดิเนเวียน
ได้พบว่าบริเวณดอยเกิด ซึ่งเป็นเขตติดต่อระหว่างจังหวัดลำปางกับจังหวัดแพร่
พบว่ามีร่องรอยลาวาจากภูเขาไฟ ต่อมาได้สำรวจพบปล่องภูเขาไฟสองปล่อง
บริเวณภูเขาไฟลำปาง ปัจจุบันเรียกว่า ดอยจำปาแดด มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล
๖๓๐ เมตร เป็นภูเขาไฟที่ดับมาแล้ว ประมาณ ๖๔๐,๐๐๐ - ๗๐๐,๐๐๐ ปีมาแล้ว ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายมือทางเข้าแม่เมาะ
ภูเขาไฟลำปาง นับว่าเป็นแหล่งธรรมชาติที่น่าสนใจ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของจังหวัดลำปาง
นอกจากนี้ ยังมีร่องรอยของภูเขาไฟอีกลูกหนึ่งในเขตอำเภอเถิน แต่ยังไม่มีรายละเอียดจากการสำรวจ
เหมืองแม่เมาะ
เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๐ นายพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน อธิบดีกรมรถไฟหลวง
มีพระประสงค์จะสงวนป่าไม้ไว้ จึงโปรดให้มีการสำรวจหาเชื้อเพลิงอย่างอื่นมาใช้แทนฟืนสำหรับหัวรถจักรไอน้ำของรถไฟ
ได้จ้างผู้เชี่ยวชาญชาวฝรั่งเศส มาดำเนินการสำรวจในระยะแรก และในปี พ.ศ.๒๔๖๔
- ๒๔๖๖ ได้ว่าจ้างชาวอเมริกันมาดำเนินการสำรวจต่อไป
ในปี พ.ศ.๒๔๗๐ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการให้สงวนแหล่งถ่านหิน ที่มีอยู่ในประเทศไว้
เพื่อให้ทางราชการเท่านั้น เป็นผู้ดำเนินการ และห้ามให้ประทานบัตรการทำเหมืองแก่เอกชนอื่นใดอีกต่อไป
การสำรวจถ่านหินลิกไนต์ แบบเป็นครั้งเป็นคราวไม่ต่อเนื่อง ได้ดำเนินไปจนถึงปี
พ.ศ.๒๔๗๕ จึงได้ยุติชะงักลงเป็นเวลานาน จนถึงปี พ.ศ.๒๔๙๓ กรมโลหะกิจหรือกรมทรัพยากรธรณีในปัจจุบัน
ได้รื้อฟื้นโครงการสำรวจถ่านหินลิกไนต์ขึ้นมาดำเนินการอีก ในการนี้องค์การบริหารความมั่นคงร่วมกับ
(M.S.A.) หรือต่อมาเป็นยูซอม (USOM) แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ให้ความช่วยเหลือทางด้านวิชาการและการเงิน
การสำรวจแหล่งถ่านหินลิกไนต์ที่แม่เมาะได้เริ่มขึ้นอีกในระหว่างปี พ.ศ.๒๔๙๓
- ๒๔๙๖ ได้พบแหล่งถ่านหินลิกไนต์มีแนวชั้นติดต่อกัน ยาวไปตามลำห้วยในแอ่งแม่เมาะ
ประมาณว่ามีถ่านหินลิกไนต์ในเบื้องต้นที่แม่เมาะจำนวน ๑๔ ล้านตัน และคาดว่าจะพบเพิ่มถึง
๑๒๐ ล้านตัน
ในปี พ.ศ.๒๔๙๗ ได้ตราพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การพลังงานไฟฟ้าลิกไนต์ ได้เปิดการทำเหมืองแม่เมาะ
โดยเปิดหน้าดินก่อนแล้วจึงขุดถ่านลิกไนต์ในปี พ.ศ.๒๔๙๘ เริ่มผลิตถ่านลิกไนต์จากเหมืองแม่เมาะ
ออกจำหน่ายให้แก่โรงบ่มใบยาสูบในภาคเหนือ โรงงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่นครราชสีมา
โรงปูนซีเมนต์ของบริษัทชลประทานซีเมนต์จำกัดที่ตาคลี นครสวรรค์ โรงไฟฟ้าวัดเลียบ
และโรงไฟฟ้าสามเสนของการไฟฟ้านครหลวง (กทม.) การดำเนินการเจาะสำรวจหาปริมาณถ่านลิกไนต์พบว่า
ที่แม่เมาะมีถ่านลิกไนต์ อยู่ประมาณ ๑๒๐ ล้านตัน และสามารถขุดขึ้นมาใช้งานได้คุ้มค่า
๔๓.๖ ล้านตัน
ในปี พ.ศ.๒๔๙๙ ผลิตถ่านลิกไนต์ได้ ๑๒๐,๐๐๐ ตัน (เทียบกับไม้ฟืน ๓๐๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร
เท่ากับต้นไม้ที่ใช้ทำฟืน ๓ - ๖ แสนตัน ซึ่งจะต้องตัดไม้จากป่าปีละประมาณ
๓๐,๐๐๐ ไร่ หรือเท่ากับน้ำมันเตา ๓๕ ล้านลิตร)
พ.ศ.๒๕๐๓ รัฐบาลได้ตราพระราชบัญญัติจัดตั้งการลิกไนต์ โดยได้โอนกิจการ และทรัพย์สินขององค์การพลังงานไฟฟ้า มาเป็นของการลิกไนต์
การลิกไนต์ได้ดำเนินการเหมืองแม่เมาะเรื่อยมา และขยายงานออกไปตามลำดับ
การดำเนินงานตามโครงการเหมืองแม่เมาะได้เริ่มตั้งแต่ ปี พ.ศ๒๕๑๖
| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |