| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
| พัฒนาทางประวัติศาสตร์ | มรดกทางธรรมชาติ | มรดกทางวัฒนธรรม | มรดกทางพระพุทธศาสนา | |
จังหวัดนครสวรรค์ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศไทย ในเขตภาคเหนือตอนล่าง
หรือภาคกลางตอนบน พื้นที่ของจังหวัดมีลักษณะเป็นแนวยาว จากทิศตะวันตกกับทิศตะวันออก
รูปร่างคล้ายผีเสื้อกำลังกางปีกปิน
โครงสร้างทางธรณีวิทยาทำให้นครสวรรค์ มีลักษณะภูมิประเทศคล้ายแอ่งกระทะ พื้นที่ตอนกลางของจังหวัดเป็นแอ่งต่ำมีน้ำท่วมถึง
สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๒๒ เมตร และค่อย ๆ ลาดสูงขึ้นทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก
โดยที่ทางทิศตะวันตกในเขตอำเภอแม่วงค์ พื้นที่มีระดับสูงถึง ๑,๗๘๐ เมตร ที่เขาตาจุโอ
จากลักษณะภูมิประเทศดังกล่าว
จะแบ่งเป็นเขตย่อยได้ ๔ เขต คือ
เขตภูเขาสูงด้านตะวันตก อยู่ทางด้านตะวันตกของอำเภอแม่วงก์
เป็นต้นกำเนิดลำน้ำแม่วงก์และลำน้ำสะแกกรัง
ยังมีสภาพป่าดงดิบเหลืออยู่ เป็นที่ตั้งของป่าสงวนแห่งชาติแม่วงก์
- แม่เปิน ภูเขาสำคัญในพื้นที่นี้คือ
เขาชนกัน มีลำน้ำแม่วงก์ไหลผ่านช่องเขาในลักษณะร่องน้ำ
เขตที่ราบเนินตะกอนรูปพัด เป็นพื้นที่ต่อเนื่องมาจากเขตภูเขาสูงด้านตะวันตก
อยู่ในพื้นที่อำเภอลาดยาว พื้นที่ลาดลงมาจากด้านทิศตะวันตก จึงมีปัญหาน้ำหลากในฤดูฝน
พื้นที่ลาดเอียงส่วนนี้มีการปลูกพืชไร่ต่าง ๆ ในเขตพื้นที่ราบต่ำจะมีการทำนา
มีประชากรอยู่หนาแน่นบริเวณลุ่มน้ำ
เขตที่ราบขั้นบันไดด้านตะวันออก
เป็นเขตต่อเนื่องมาจากจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นพื้นที่ที่มีภูเขาซึ่งสึกกร่อนมาก
ภูเขาจึงไม่สูงมาก พื้นที่เป็นลอนคลื่น มีการทำนาในที่ลุ่มที่เหลือปลูกพืชไร่ต่าง
ๆ
เขตที่ราบลุ่มตอนกลาง เป็นพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
แม่น้ำปิง และแม่น้ำน่าน
มีพื้นที่กว้างขวางกว่าทุกเขต เป็นที่ราบลุ่มที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การทำนาจึงเป็นแหล่งผลิตข้าวที่ให้ผลดีกว่าเขตอื่น
ๆ มีการปลูกพืชไร่ในพื้นที่ที่สูงขึ้นไป
เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม จึงเป็นที่รองรับลำน้ำหลายสายให้ไหลมารวมกัน
ทำให้เกิดแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่สุดของประเทศไทย
และมีบึงบรเพ็ดซึ่งเป็นบึงขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีลำคลองและหนองน้ำอยู่อีกเป็นจำนวนมาก
แม่น้ำเจ้าพระยา
เกิดจากการไหลมารวมกันของแม่น้ำปิง
และแม่น้ำน่าน
ที่บริเวณปากน้ำโพ
แล้วไหลลงใต้ผ่านที่ราบลุ่มภาคกลางตอนใต้ ออกสู่ทะเลที่อ่าวไทย
แม่น้ำยม
ไหลผ่านจังหวัดกำแพงเพชรซึ่งอยู่ทางเหนือ มาบรรจบแม่น้ำน่าน ที่ตำบลเกยไชย
อำเภอชุมแสง
แม่น้ำปิง
ไหลผ่านจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งอยู่ทางเหนือ เข้าสู่จังหวัดนครสวรรค์ ที่อำเภอบรรพตพิสัย
ผ่านอำเภอเก้าเลี้ยว แล้วมาบรรจบกับแม่น้ำน่านที่ตำบลปากน้ำโพ
แม่น้ำน่าน
ไหลผ่านจังหวัดพิจิตรซึ่งอยู่ทางเหนือ แล้วไหลเข้าสู่นครสวรรค์ ที่อำเภอชุมแสง
อำเภอเมือง ฯ แล้วมาบรรจบกับแม่น้ำปิงที่ตำบลปากน้ำโพ
ลำน้ำแม่วงก์
เกิดจากเทือกเขาสูงในเขตจังหวัดตาก ไหลเข้าสู่นครสวรรค์ ที่อำเภอลาดยาว เป็นแม่น้ำวังม้า
แล้วไหลเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยาในเขตจังหวัดอุทัยธานี เป็นลำน้ำที่มีน้ำไหลตลอดปี
คลองโพธิ
มีกำเนิดจากเขาสูงในเขตอำเภอลาดยาว ทางทิศตะวันตกของจังหวัด ไหลเลียบเขตจังหวัด
มารวมกับลำน้ำแม่วงก์ ในเขตจังหวัดอุทัยธานี
คลองบางไผ่ - บางประมุง
แยกตัวออกจากแม่น้ำปิงที่อำเภอบรรพตพิสัย ไหลผ่านตำบลท่าชุด แล้วไปบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยาที่ตำบลบางมะฝ่อ
อำเภอโกรกพระ
บึงบรเพ็ด
เป็นบึงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพื้นที่ครอบคลุมสามอำเภอคือ อำเภอเมือง
ฯ อำเภอชุมแสง และอำเภอท่าตะโก มีพื้นที่ประมาณ ๑๓๓,๐๐๐ ไร่
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์
จากหลักฐานทางโบราณคดี จังหวัดนครสวรรค์เป็นดินแดนที่มีความเจริญมายาวนาน
ตั้งแต่ชุมชนสมัยก่อนประวัติศาสตร์มาจนถึงยุคปัจจุบัน ร่องรอยการตั้งถิ่นฐานประมาณ
๓๐๐๐ - ๒๗๐๐ ปีมาแล้ว จากแหล่งโบราณคดีบ้านใหม่ชัยมงคล
ตำบลสร้อยทอง อำเภอตาคลี บ้านพุขมิ้น
บ้านพุช้างล้วง บ้านจันเสนในอำเภอตาคลี
บ้านหนองใหญ่ บ้านพุนิมิต บ้านซับตะเคียน
ในอำเภอตากฟ้า แสดงให้เห็นถึงการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มากกว่า
๑ สมัย โบราณวัตถุที่ขุดพบมีหลายประเภท ส่วนใหญ่เป็นเศษภาชนะดินเผาประเภทต่าง
ๆ นอกจากนั้นยังมีเครื่องมือเครื่องใช้ และเครื่องประดับที่ทำด้วยหินขัด
ดินเผา เปลือกหอยทะเล สำริด และเหล็ก บางแห่งก็มีการอยู่อาศัยสืบเนื่องมาจนถึงสมัยประวัติศาสตร์
คือ สมัยทวาราวดี
เช่นที่จันเสน เป็นต้น
ชุมชนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่มักเป็นชุมชนเกษตรกรรมขนาดเล็ก รู้จักถลุงโลหะ
และหล่อสำริดมาทำเครื่องมือเครื่องใช้ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแหล่งโลหะสำคัญคือ
ทองแดงและเหล็ก ซึ่งมีอยู่ที่เขาวงพระจันทร์ เขาทับควายในเขตอำเภอโคกสำโรง
จังหวัดลพบุรี และบริเวณเขาแม่เหล็กในเขตอำเภอพยุหคีรี จังหวัดนครสวรรค์
ชุมชนเหล่านี้มีการติดต่อสัมพันธ์ และร่วมวัฒนธรรมกับชุมชนก่อนประวัติศาสตร์อื่น
ๆ ในพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย
จากการสำรวจด้วยภาพถ่ายทางอากาศ ประกอบกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และโบราณคดี
ได้พบชุมชนโบราณสมัยทวาราวดีมากกว่า ๒๐ เมือง กระจายอยู่ตามอำเภอต่าง
ๆ ของจังหวัดนครสวรรค์ เช่น จันเสน ในพื้นที่อำเภอตาคลี เมืองบน
ในพื้นที่อำเภอพยุหคีรี เมืองทัพชุมพล ในพื้นที่อำเภอเมือง ฯ เมืองดอนคา เมืองหัวถนน ในพื้นที่อำเภอท่าตะโก
และเมืองดงแม่นางเมือง
ในพื้นที่อำเภอบรรพตพิสัยเป็นต้น ได้พบร่องรอยของเมืองที่มีคูน้ำคันดิน
ทั้งแบบชั้นเดียวและสองชั้น สระน้ำ ตลอดจนโบราณสถาน และโบราณวัตถุ
อยู่ในที่ตั้งของเมืองต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว มีความคล้ายคลึงกับเมืองสมัยทวาราวดีอื่น
ๆ เช่นอู่ทอง พงตึก นครปฐม เป็นต้น
ดินแดนนครสวรรค์ในสมัยทวาราวดี เป็นชุมชนที่มีการติดต่อกับเมืองไกลต่างประเทศ
เช่นอินเดีย ทำให้นครสวรรค์มีบทบาทและความสำคัญในฐานะที่เป็นรัฐกึ่งกลาง
ที่เชื่อมโยงระหว่างดินแดนทางทิศตะวันตก และดินแดนทางทิศตะวันออก เป็นจุดส่งต่ออารยธรรมอินเดียไปทางเขมร
และเวียตนามภาคกลางในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมใกล้ชิดกับชุมชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกด้วย
สมัยสุโขทัย
พุทธศตวรรษที่ ๑๘ - ๒๐ เมืองเมืองดงแม่นางเมืองที่เคยรุ่งเรืองมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่
๑๖ ก็หมดความสำคัญลง บทบาทและความสำคัญของนครสวรรค์ได้ย้ายไปที่ลพบุรี
ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมเขมรในภาคกลางของไทย ในสมัยสุโขทัย เมืองนครสวรรค์มีชื่อว่า
เมืองพระบาง
แทนเมืองดงแม่นางที่เสื่อมไป เมืองพระบางมีความสำคัญ และเป็นเมืองหน้าด่านของอาณาจักรสุโขทัย
ที่คอยกันหัวเมืองทางใต้บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จะขึ้นมายังกรุงสุโขทัย
ในศิลาจารึกหลักที่ ๓ ได้กล่าวถึงการสร้างพระพุทธบาท ๔ แห่งในรัชสมัยพระมหาธรรมราชาลิไทย
หนึ่งในจำนวนนั้นคือ พระบาทเหนือจอมเขาที่ปากพระบาง
ซึ่งก็คือพระพุทธบาทที่ยอดเขากบ ในปัจจุบัน
สมัยอยุธยา
เมื่ออาณาจักรอยุธยาขึ้นมามีอำนาจ นับจากเมื่อราชวงศ์ สุพรรณบุรีมีชัยชนะเหนืออาณาจักรสุโขทัยแล้ว
นครสวรรค์ก็กลายเป็นรัฐกึ่งกลางในอาณาจักรอยุธยา เมื่อเกิดการแย่งชิงราชสมบัติที่กรุงสุโขทัย
เมื่อปี พ.ศ. ๑๙๖๒ ระหว่างโอรสของพระเจ้าไสยลือไทย (พระมหาธรรมราชาที่ ๓)
สมเด็จพระอินทราชาธิราช ได้ทรงยกกองทัพจากกรุงศรีอยุธยา ขึ้นไปตั้งคุมเชิงอยู่ที่เมืองพระบาง
ซึ่งขณะนั้นเป็นเมืองปลายเขตแดนของกรุงศรีอยุธยา ทำให้พระยาบาลเมืองและพระยารามโอรส
พระเจ้าไสยลือไทย ต้องออกมาถวายบังคมต่อสมเด็จพระอินทราชา ต่อมาสมเด็จพระอินทราชาจึงได้โปรดเกล้า
ฯ ให้สถาปนาพระยาบาลเมือง ขึ้นเป็นพระมหาธรรมราชาที่ ๔ ครองเมืองพิษณุโลก
และให้พระยาราม ครองกรุงสุโขทัย
ในสมัยอยุธยา นครสวรรค์นอกจากจะเป็นชุมทางสินค้า
อันเนื่องมาจากสภาพทางภูมิศาสตร์แล้ว ยังเป็นเมืองประชุมพล
เมื่อเกิดสงครามไทยกับพม่า เมื่อพม่ายกเข้ามาตีไทยจากทางเหนือ
นับตั้งแต่สงครามช้างเผือกในรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิ์เป็นต้นมา
ตามพงศาวดารพม่าระบุว่า การเดินทัพจากกรุงหงสาวดี ตามเส้นทางเข้าด่านแม่ละเมา เข้าสู่ตำบลระแหง
แขวงเมืองตาก แล้วเข้าสู่เมืองกำแพงเพชร และเมืองนครสวรรค์ ใช้เวลาเดินทัพเป็นเวลา
๔๗ วัน
สมัยธนบุรี
และกรุงรัตนโกสินทร์
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงดำเนินการยุทธที่ไม่ยอมให้พม่าใช้นครสวรรค์เป็นที่ประชุมพลอีกต่อไป
โดยพระองค์ได้ขึ้นไปตั้งรับกองทัพข้าศึกเหนือนครสวรรค์ และใช้นครสวรรค์เป็นเมืองส่งกำลังบำรุงให้แก่กองทัพที่ยกขึ้นไปรับศึกทางเหนือ
เช่น ที่ปากพิง
พิษณุโลก และเหนือขึ้นไป นครสวรรค์จึงกลายเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญในการป้องกันข้าศึกที่ยกกำลังมาทางเหนือ
ในสมัยรัตนโกสินทร์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อมีการทำสนธิสัญญาเบาว์ริง
ก่อให้เกิดการค้าเสรีนิยมขึ้น นครสวรรค์ก็ได้กลายเป็นแหล่งรวมสินค้าสำคัญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าว และไม้สักที่มาจากภาคเหนือ เพื่อส่งต่อไปยังกรุงเทพ
ฯ มีโรงสีเหนือ โรงสีกลาง และโรงสีใต้ บริษัทค้าไม้อิสท์เอเซียติก บริษัทแม่เงา
ห้างไม้มิสหลุยส์ มีโรงเลื่อย โรงน้ำแข็ง และโกดังสินค้าต่าง
ๆ เป็นจำนวนมาก ข้าวจะส่งมาทางแม่น้ำน่าน โดยการขนส่งทางเรือยนต์เป็นหลัก
คนจีนอพยพเข้ามาขายแรงงานและการประกอบการค้าในนครสวรรค์มากขึ้น การค้าของนครสวรรค์ได้ย้ายศูนย์กลางจากฝั่งตะวันออก
มายังฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้ย้ายตัวเมืองมาตั้งบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ คนจีนในนครสวรรค์มีมากเป็นอันดับสาม
รองลงมาจากกรุงเทพ ฯ และภูเก็ต ส่วนใหญ่เป็นพวกแต้จิ๋วและไหหลำ
การค้าของนครสวรรค์เจริญสูงสุดในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
และต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
บริเวณปากน้ำโพ มีสภาพเป็นชุมทางการค้า
เป็นแหล่งชุมนุมเรือค้าข้าวที่ใหญ่ที่สุดรองลงมาจากกรุงเทพ ฯ ไม้ซุงสักจากภาคเหนือนับหมื่นนับแสนท่อน
จะถูกล่องลงมาตามลำน้ำที่เป็นสาขาของแม่น้ำเจ้าพระยา มารวมกันที่ปากน้ำโพ
ก่อนที่จะแยกส่งไปยังที่ต่าง ๆ บรรดาพ่อค้าจากกรุงเทพ ฯ จะมาชุมนุมกันที่ปากน้ำโพเพื่อเลือกซื้อสินค้า
ศูนย์กลางการค้าของนครสวรรค์มีอยู่ ๓ แห่งคือ
ตลาดยาว อยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง
เป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างนครสวรรค์กับหัวเมืองทางเหนือ เช่น กำแพงเพชร
ตาก และเชียงใหม่ เป็นต้น ชาวนครสวรรค์เรียกคนไทยทางเหนือว่าลาว
จึงเรียกตลาดนี้ว่า ตลาดลาว ชาวเหนือจะนำสินค้าประเภทไม้สัก และของป่า
เช่น หวาย ชัน น้ำมันยาง สีเสียด เปลือกไม้
น้ำผึ้ง ฯลฯ มาขาย ขากลับก็จะซื้อข้าวและเกลือกลับไป
ตลาดสะพานดำ อยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา
เป็นศูนย์กลางการค้าระหว่าง อำเภอต่าง ๆ ของนครสวรรค์ เช่น อำเภอโกรกพระ
อำเภอพยุหคีรี อำเภอบรรพตพิสัย สินค้าที่นำมาขายมีข้าว สัตว์ป่า
และของป่า
ตลาดท่าชุด อยู่ริมคลองบางประมุง
ตำบลท่าชุด เป็นศูนย์กลางการค้าข้าวของนครสวรรค์กับจังหวัดที่อยู่โดยรอบ
เช่น พิจิตร กำแพงเพชร ตาก พ่อค้าชาวจีนจะมารับซื้อข้าว
ณ ที่นี้ แล้วนำสิ้นค้าล่องลงกรุงเทพ ฯ ทางแม่น้ำเจ้าพระยาโดยใช้เรือกระแซงใหญ่
ขากลับ (ขาขึ้น) จะบรรทุกเกลือ มะพร้าว และน้ำตาลปีบมาขายที่นครสวรรค์
เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ก่อนสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๕
เล็กน้อย ประกอบกับมีเส้นทางรถไฟสายเหนือไปถึงเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.
๒๔๖๕ และภายหลังสงครามมหาเอเซียบูรพา เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๘ ได้มีการสร้างสถานีรถไฟขึ้นที่ตำบลหนองปลิง
ซึ่งเป็นสถานีรถไฟนครสวรรค์ในปัจจุบัน ทำให้การคมนาคมขนส่งทางน้ำลดลง
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ได้เปิดสะพานเดชาติวงศ์
เพื่อใช้ในการคมนาคมขนส่งทางบกตามเส้นทางถนนพหลโยธิน ทำให้นครสวรรค์คลายความสำคัญทางเศรษฐกิจในด้านเป็นแหล่งกลางแลกเปลี่ยนสินค้าลงไป
และกลายเป็นเมืองผ่าน
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการปฏิรูปการปกครองหัวเมืองส่วนภูมิภาค
นครสวรรค์ได้เป็นที่ตั้งมณฑลนครสวรรค์ ซึ่งเป็น ๑ ใน ๔ มณฑลที่ตั้งขึ้นในปี
พ.ศ. ๒๔๓๘ มณฑลนครสวรรค์ครอบคลุม
๘ เมืองคือ นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี พยุหคีรี
มโนรมย์ สรรค์บุรี และกำแพงเพชร โดยมีพระยาดัสกรปลาศ (ทองอยู่
โลหิตเสถียร) เป็นข้าหลวงเทศาภิบาลคนแรก ต่อมา เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ยุบเลิกมณฑลนครสวรรค์
และให้เมืองต่าง ๆ ของมณฑลนี้ไปขึ้นกับมณฑลอยุธยา ยกเว้นกำแพงเพชร และตากให้ไปขึ้นกับมณฑลพิษณุโลก
| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |