|
ย้อนกลับ
|
หน้าต่อไป
|
|
พัฒนาทางประวัติศาสตร์
|
มรดกทางธรรมชาติ
|
มรดกทางวัฒนธรรม
|
มรดกทางพระพุทธศาสนา
|
มรดกทางวัฒนธรรม
อุทยานเมืองเก่าจังหวัดพิจิตร
เมืองพิจิตรเดิมอยู่ในเขต อำเภอโพทะเล ต่อมาได้อพยพมาตามลำแม่น้ำน่านเก่าขึ้นมาทางเหนือ ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านสระหลวง ในเขตเมืองเก่า อำเภอเมืองพิจิตร อยู่ห่างจากตัวเมืองปัจจุบันไปทางทิศตะวันตกประมาณ 8 กิโลเมตร ต่อมาเมื่อลำน้ำน่านเก่าเปลี่ยนทางเดินจึงได้ย้ายเมืองมาตั้งใหม่ในตัวเมืองปัจจุบัน
อุทยานเมืองเก่ามีลักษณะเป็นเมืองโบราณ มีกำแพงเมือง คูเมือง เจดีย์เก่า มีสวนรุกขชาติกาญจนกุมาร ศาลหลักเมือง วัดมหาธาตุ ซึ่งมีพระธาตุเจดีย์ทรงลังกา และถ้ำชาละวัน
โพธิประทับช้าง
ชื่อนี้มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยามีความว่า พระเพทราชาเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งจางวางช้างได้ตามเสด็จ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อเสด็จ ฯ ไปนมัสการ พระพุทธชินราชและพระพุทธชินสีห์ที่เมืองพิษณุโลก ได้นำภรรยาพระราชทานซึ่งในขณะนั้นมีครรภ์แก่ไปด้วย เมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้นางเกิดเจ็บครรภ์และคลอดบุตรที่ใต้ต้นมะเดื่อใหญ่ บุตรคนนั้นจึงได้ชื่อว่า เจ้าเดื่อ ส่วนขบวนช้างพระที่นั่งของสมเด็จ พระนารายณ์มหาราชได้หยุดอยู่ที่ใต้ต้นโพธิใหญ่ ต่อมาเมื่อเจ้าเดื่อได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระสรรเพ็ชญที่ 8 (พระเจ้าเสือ) จึงทรงสร้างวัดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งนี้ และพระราชทานนามว่า
วัดโพธิประทับช้าง
วัดนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่านเก่าด้านทิศตะวันออก ตำบลโพธิประทับช้าง อำเภอโพธิประทับช้าง หน้าวัดมีต้นตะเคียนใหญ่ประมาณ 7 คนโอบ กล่าวกันว่ามีอายุกว่า 250 ปีมาแล้ว
จิตรกรรมฝาผนังวัดห้วยเขน
วัดห้วยเขน อยู่ที่ตำบลห้วยเขน อำเภอบางมูลนาก พระอุโบสถหลังเก่าสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2456 มีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องทศชาติชาดก และพุทธประวัติ เป็นภาพที่ให้สีได้สวยงาม
เกาะศรีมาลา
มีลักษณะเป็นมูลดินเล็กๆ อยู่กลางคูเมือง นอกกำแพงเมืองพิจิตรเก่า สันนิษฐานว่าเดิมน่าจะเป็นป้อมหรือหอคอย สำหรับตรวจตราความเคลื่อนไหวของข้าศึกภายนอกกำแพงเมือง เพราะตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง และอยู่กลางคูเมือง
ถ้ำชาลวัน
มีประวัติความเป็นมาจากวรรณคดีเรื่อง
ไกรทอง
บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ตัวถ้ำสันนิษฐานว่าอยู่กลางแม่น้ำน่านเก่า อยู่ในเขตบ้านวังกระดี่ทอง ตำบลย่านยาว ปากถ้ำกว้างประมาณหนึ่งเมตร ยาวประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง และลึกประมาณสี่เมตร มีเรื่องเล่าสืบกันมาว่า เมื่อประมาณเกือบร้อยปีมาแล้ว มีพระภิกษุวัดนครชุมรูปหนึ่ง เข้าไปสำรวจถ้ำ โดยได้จุดเทียนไขส่องทางเข้าไป เมื่อเดินไปจนเทียนไขหมดไป 1 เล่มก็ยังไม่ถึงที่สุดของถ้ำ จึงไม่ทราบว่าภายในถ้ำ มีความวิจิตรงดงามตามที่บรรยายไว้ในเรื่องไกรทองเพียงใด ปัจจุบันดินได้พังทลายทับถมจนถ้ำตื้นเขินทรุดโทรมไป
ชาลวัน
เป็นจรเข้ใหญ่ที่เลื่องชื่อของแม่น้ำน่านเก่าเมืองพิจิตร มีเรื่องราวมาตั้งแต่สมัยที่เมืองพิจิตรมีเจ้าเมืองปกครอง ตามตำนานกล่าวว่า มีตายายสองคนออกไปหาปลา พบไข่จรเข้ที่สระน้ำแห่งหนึ่งจึงเก็บมาฟักเป็นตัวแล้วเลี้ยงไว้ในอ่างน้ำ เพราะยายอยากเลี้ยงไว้แทนลูก ต่อมาเมื่อจรเข้ตัวใหญ่ขึ้นจึงนำไปเลี้ยงไว้ในสระใกล้บ้าน และหาปลามาเลี้ยงเป็นประจำ ต่อมาจรเข้ใหญ่ขึ้น ตายายหาปลามาให้ไม่พอ จรเข้จึงกินตายายเป็นอาหาร แล้วออกจากสระไปอาศัยอยู่ในแม่น้ำน่านเก่า ซึ่งไหลผ่านบ้านวังกระดี่ทอง บ้านดงเศรษฐี บ้านดงชะพลู บ้านหนองคะเชนทร บ้านเมืองพิจิตรเก่า บ้านท่าข่อยจนถึงบ้านบางคลาน จรเข้ตัวนี้ได้ออกอาละวาดอยู่ในแม่น้ำ ตั้งแต่ย่านเหนือเขตวังกระดี่ทอง จนถึงเมืองเก่า เที่ยวกินคนทั้งบนบกและในน้ำไม่เว้นแต่ละวัน จนได้นามว่าไอ้ตะละวัน ต่อมาจึงเพี้ยนเป็นชาละวัน คนรุ่นเก่าเล่าถึงความใหญ่โตของชาละวันว่า เวลามันลอยตัวปริ่มน้ำขวางคลอง หัวและหางจะยาวจรด 2 ฝั่งคลอง
ต่อมาชาลวันไปคาบเอาบุตรสาวคนหนึ่งของเศรษฐีเมืองพิจิตร ขณะที่อาบน้ำอยู่ที่แพท่าน้ำหน้าบ้าน เศรษฐีจึงประกาศให้สินบนหลายสิบชั่ง พร้อมทั้งยกลูกสาวอีกคนหนึ่งให้แก่ผู้ที่ฆ่าชาลวันได้ มีพ่อค้าคนหนึ่งจากเมืองล่าง สันนิษฐานว่าจากเมืองนนทบุรี ชื่อไกรทอง ได้เข้ามาอาสาจับชาลวันได้ด้วยหอกลงอาคมของหมอจระเข้
|
ย้อนกลับ
|
หน้าต่อไป
|
บน
|