| หน้าแรก | ชาติไทย| ศาสนา| พระมหากษัตริย์ | หน้าต่อไป | ย้อนกลับ |
| มูลบทบรรพกิจ | ข้อเตือนใจในแบบเรียนเร็ว | ข้อเตือนใจจากบทดอกสร้อย |
| คำปฏิญาณของลูกเสือไทย | ข้อเตือนใจจากที่อื่นๆ |วรรณคดีไทยร้อยกรอง | โคลงพระราชพงศาวดาร |

ข้อเตือนใจจากบทดอกสร้อย


            ใช้เป็นบทอาขยานสำหรับชั้นประถม สอนให้รู้จักพฤติกรรมตามธรรมชาติของสิ่งที่อยู่รอบตัวเราทั้งคนและสัตว์ แล้วนำมาสู่คติสอนใจ พฤติกรรมตามธรรมชาติเหล่านั้น และเมื่อแต่งเรื่องออกมาในรูปของกวีนิพนธ์ทำให้ได้ทั้งอรรถรสทางภาษา ทั้งด้านคำและความหมาย ทำให้เรียนรู้ได้ง่าย จดจำไว้ได้นานตลอดไปโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก นอกจากนั้นยังนำมาใช้เป็นบทขับร้องในวิชาขับร้องอีกด้วย บทดอกสร้อยที่ได้เลือกสรรค์ และประมวลมาเป็นบทเรียนมีอยู่ดังนี้

เด็กน้อย

   เด็กเอ๋ยเด็กน้อย ความรู้เรายังด้อยเร่งศึกษา
เมื่อเติบใหญ่เราจะได้มีวิชา เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน
ได้ประโยชน์หลายสถานเพราะการเรียน      จงพากเพียรไปเถิดจะเกิดผล
ถึงลำบากตรากตรำก็จำทน เกิดเป็นคนควรหมั่นขยันเอย ฯ
ร้องลำฝรั่งรำเท้า

แมวเหมียว

   แมวเอ๋ยแมวเหมียว รูปร่างประเปรียวเป็นนักหนา
ร้องเรียกเหมียวเหมียวเดี๋ยวก็มา      เคล้าแข้งเคล้าขาน่าเอ็นดู
รู้จักเอารักเข้าต่อตั้ง ค่ำค่ำซ้ำนั่งระวังหนู
ควรนับว่ามันกตัญญู พอดูอย่างไว้ใส่ใจเอย ฯ
นายทัด เปรียญ แต่ง ร้องรำแขกบริเทศ

ตั้งไข่

   ตั้งเอ๋ยตั้งไข่ จะตั้งใยไข่กลมก็ล้มสิ้น
ถึงว่าไข่ล้มจะต้มกิน ถ้าตกดินเสียก็อดหมดฝีมือ
ตั้งใจเรานี้จะดีกว่า อุตส่าห์อ่านเขียนเรียนหนังสือ
ทั้งวิชาสารพัดเพียรหัดปรือ      อย่าดึงดื้อตั้งไข่ร่ำไรเอย ฯ
สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงนิพนธ์ ร้องรำลมพัดชายเขา

ซักส้าว

   ซักเอ๋ยซักส้าว ผลมะนาวทิ้งทานในงานศพ
เข้าแย่งชิงเหมือนสิ่งไม่เคยพบ ไม่น่าคบเลยหนอพวกขอทาน
ดูประหนึ่งขัดสนจนปัญญา มีทางหากินได้หลายสถาน
ประหลาดใจเหตุไฉนไม่ทำงาน      ประกอบการอาชีพที่ดีเอย ฯ
ร้องรำสารถีชักรถ

ตุ๊ดตู่

   ตุ๊ดเอ๋ยตุ๊ดตู่ ในเรี่ยวในรูช่างอยู่ได้
ขี้เกียจนักหนาระอาใจ มาเรียกให้กินหมากไม่อยากคบ
ชาติขี้เกียจเบียดเบียนแต่เพื่อนบ้าน      การงานแต่สักนิดก็คิดหลบ
ตื่นเช้าเราควรหมั่นประชันพลบ ไม่ขอคบขี้เกียจเกลียดนักเอย ฯ
สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงนิพนธ์ ร้องลำวิลันตาโอด

นกกิ้งโครง

   นกเอ๋ยนกกิ้งโครง หลงเข้าโพรงนกเอี้ยงเถียงเจ้าของ
อ้อยอี๋เอียงอ้อยอี๋เอียงส่งเสียงร้อง      เจ้าของเขาว่าหน้าไม่อาย
แต่นกยังรู้ผิดรัง นักปราชญ์รู้พลั้งไม่แม่นหมาย
แต่ผิดรับผิดพอผ่อนร้าย ภายหลังจงระวังอย่าพลั้งเอย ฯ
พระยาพินิจสารา (ทิม) แต่ง ร้องลำนกกระจอกทอง

เรือเล่น

   เรือเอ๋ยเรือเล่น สามเส้นเศษวาไม่น่าล่ม
ฝีพายลงเต็มลำจ้ำตะบม ไปขวางน้ำคล่ำจมลงกลางวน
ทำขวาง ๆ รีรีไม่ดีหนอ เที่ยวขัดคอขัดใจไม่เป็นผล
จะก่อเรื่องเคืองข้องหมองกมล      เกิดร้อนรนร้าวฉานรำคาญเอย ฯ
นายทัด เปรียญ แต่ง ร้องลำตวงพระธาตุ

นกเอี้ยง

   นกเอ๋ยนกเอี้ยง คนเข้าใจว่าเจ้าเลี้ยงซึ่งควายเฒ่า
แต่นกเอี้ยงนั้นเลี่ยงทำงานเบา แม้อาหารก็ไปเอาบนหลังควาย
เปรียบเหมือนคนทำตนเป็นกาฝาก      รู้มากเอาเปรียบคนทั้งหลาย
หนีงานหนักคอยสมัครงานสบาย จึงน่าอายเพราะเอาเยี่ยงนกเอี้ยงเอย ฯ
ร้องลำแขกไซ

ไก่แจ้

   ไก่เอ๋ยไก่แจ้ ถึงยามขันขันแซ่กระชั้นเสียง
โก่งคอเรื่อยร้องซ้องสำเนียง      ฟังเพียงบรรเลงวังเวงดัง
ถ้าตัวเราเหล่านี้หมั่นนึก ถึงคุณครูผู้ฝึกสอนสั่ง
ไม่มากนักสักวันละสองครั้ง คงตั้งแต่สุขทุกวันเอย ฯ
หม่อมเจ้าประภากร ทรงแต่ง ร้องลำนางนาค

จ้ำจี้

   จ้ำเอ๋ยจ้ำจี้ เพ้อเจ้อเต็มทีไม่มีผล
ดอกเข็มดอกมะเขือเจือระคน สับสนเรื่องราวยาวสุดใจ
เขาจ้ำแจวจ้ำพายเที่ยวขายของ      เร่ร้องตามลำแม่น้ำไหล
ชอบรีบแจวรีบจ้ำหากำไร จ้ำทำไมจ้ำจี้ไม่ดีเอย ฯ
นายทัด เปรียญ แต่ง ร้องลำลิ้นลากระทุ่ม

กาดำ

   กาเอ๋ยกาดำ รู้จำรู้จักรักเพื่อน
ได้เหยื่อเผื่อแผ่ไม่แชเชือน รีบเตือนพวกพ้องร้องเรียกมา
ต่างกลุ้มรุมล้อมพร้อมพรัก น่ารักน้ำใจกระไรหนา
การเผื่อแผ่แน่ะพ่อหนูจงดูกา      มันโอบอารีรักดีนักเอย ฯ
นายแก้ว แต่ง ร้องลำขิมเล็ก

แมงมุม

   แมงเอ๋ยแมงมุม ขยุ้มหลังคาที่อาศัย
สั่งสอนลูกรักให้ชักใย ลูกไกลไม่ทำต้องจำตี
ได้ความเจ็บแค้นแสนสาหัส      เพราะขืนขัดถ้อยคำแล้วซ้ำหนี
เด็กเอ๋ยเจ้าอย่าเป็นดังเช่นนี้ สิ่งไม่ดีครูว่าอย่าทำเอย ฯ
หลวงประชุมบรรณสาร (พิณ) แต่ง ร้องลำบทร้องไห้

กะเกย

   กะเอ๋ยกะเกย อย่าละเลยกุ้งไม้ไว้จนเหม็น
มากินข้าวเถิดนะเจ้าข้าวจะเย็น      ไปมัวเล่นอยู่ทำไมใช่เวลา
ถ้าถึงยามกินนอนผ่อนผัดนัก ก็ขี้มักเจ็บไข้ไม่แกล้งว่า
จะท้องขึ้นท้องพองร้องระอา ต้องกินยาน้ำสมอขื่นคอเอย ฯ
สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์ ร้องลำตะนาว

มดแดง

   มดเอ๋ยมดแดง เล็กเล็กเรี่ยวแรงแข็งขยัน
ใครกล้ำกลายมาทำร้ายถึงรังมัน      ก็วิ่งพรูกรูกันมาทันที
สู้ได้หรือมิได้ใจสาหัส ปากกัดก้นต่อยไม่ถอยหนี
ถ้ารังเราใครกล้ามาราวี ต้องต่อตีทรหดเหมือนมดเอย ฯ
นายทัด เปรียญ แต่ง รำลำพัดชา

ตุ๊กแก

   ตุ๊กเอ๋ยตุ๊กแก ตับแก่แซ่ร้องกึกก้องบ้าน
เหมือนเตือนให้งูรู้อาการ น่ารำคาญเสียแท้ ๆ แส่จริงจริง
อันความลับเหมือนกับตับที่ลับแน่      อย่าตีแผ่ให้กระจายทั้งชายหญิง
ที่ควรปิดปิดไว้อย่าไหวติง ที่ควรนิ่งนิ่งไว้ในใจเอย ฯ
นายทัด เปรียญ แต่ง ร้องลำสะสม

กระต่าย

   กระเอ๋ยกระต่าย มุ่งหมายเสาะหาแต่อาหาร
เผลอนิดติดแร้วดักดาน ลนลานเชือกรัดมัดต้นคอ
จะทำการสิ่งไรให้พินิจ อย่าคิดแต่ละโมภโลภลาภหนอ
เห็นแต่ได้ไขว่คว้าไม่รารอ      จะยื่นคอเข้าแร้วยายแก้วเอย ฯ
พระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทัศน์นิภาธร ทรงนิพนธ์ ร้องลำตะลุ่มโปง

โพงพาง

   โพงเอ๋ยโพงพาง ทอดขวางตามลำแม่น้ำไหล
มัจฉาตาบอดลอดเข้าไป ติดอยู่ในข่ายขึงตรึงตรา
ตาบอดอยู่ประสาตัวตาบอด อย่าทำสอดตาเห็นเช่นว่า
ควรเสงี่ยมเจียมพักตร์รักกายา      อวดฉลาดพลาดท่าพาจนเอย ฯ

เจ้าการะเกด

   เจ้าเอ๋ยเจ้าการะเกด ขี่ม้าเทศถือกฤชจิตเจ้ากล้า
คอยระวังไพรีจะมีมา การรักษาหน้าที่ดีสุดใจ
อันถิ่นฐานบ้านช่องต้องรักษา หมั่นตรวจตราเย็นเช้าเอาใจใส่
อย่าเลินเล่อเผลอพลั้งระวังภัย      ถ้าหากใครมัวประมาทมักพลาดเอย ฯ
นายทัต เปรียญ แต่ง ร้องลำม้าย่อง

โมเย

   โมเอ๋ยโมเย ไปทะเลเมาคลื่นฝืนไม่ไหว
ให้อ่อนจิตอาเจียนวิงเวียนไป      พักอาศัยจอดนอนก็ผ่อนคลาย
อันเมาเหล้าเมายามักพาผิด และพาติดตนอยู่ไม่รู้หาย
จะเลื่องลือชื่อชั่วจนตัวตาย อย่าเมามายป่นปี้ไม่ดีเอย ฯ
นายแก้ว แต่ง ร้องลำจีนดาวดวงเดียว

เท้งเต้ง

   เท้งเอ๋ยเท้งเต้ง คว้างเคว้งอยู่ในลำแม่น้ำไหล
ไม่มีเจ้าของปกครองไป ต้องลอยตามน้ำไปโคลงเคลง
เหมือนใครลอยโลเลไม่ยุดหลัก      คนขี้มักกลุ่มรุมกันคุมเหง
ต่อความดีป้องตนคนจึงเกรง อย่าเท้งเต้งมดตะนอยจะต่อยเอย ฯ
นายทัด เปรียญ แต่ง ร้องลำล่องเรือ

นกเขา

   นกเอ๋ยนกเขา  ขันแต่เช้าหลายหนไปจนเที่ยง
สามเส้ากุกแกมแซมสำเนียง เสนาะเสียงเพียงจะรีบงีบระงับ
อันมารดารักษาบุตรสุดถนอม สู้ขับกล่อมไกวเปลเห่ให้หลับ
พระคุณท่านซาบซึมอย่าลืมลับ      หมั่นคำนับค่ำเช้านะเจ้าเอย ฯ
พระยาพินิจสารา (ทิม) แต่ง ร้องลำเทพชาตรี

จันทร์เจ้า

   จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ใครขอข้าวขอแกงท้องแห้งหนอ
ร้องจนเสียงแห้งแหบถึงแสบคอ จันทร์จะขอให้เราก็เปล่าดาย
ยืมจมูกท่านหายใจเห็นไม่คล่อง จงหาช่องเลี้ยงตนเร่งขวนขวาย
แม้นเป็นคนเกียจคร้านพานกรีดกราย      ไปมัวหมายจันทร์เจ้าอดข้าวเอย ฯ
นายทัด เปรียญ แต่ง ร้องลำพราหมณ์ดีดน้ำเต้า

ช้างพลาย

   ช้างเอ๋ยช้างพลาย ร่างกายกำยำล่ำสัน
กินไผ่ใบดกตกมัน ดุดันโดยหมายว่ากายโต
มนุษย์น้อยนักหนายังสามารถ      เอาเชือกบาศคล้องติดด้วยฤทธิ์โง่
อย่าถือดีดังช้างทำวางโต จะยืนโซติดปลอกไม่ออกเอย ฯ
นายแก้ว แต่ง ร้องลำชมดงนอกสามชั้น

จุ๊บแจง

   จุ๊บเอ๋ยจุ๊บแจง เจ้ามีแรงควักข้าวเปียกให้ยายหรือ
เห็นจะเป็นแต่เขาเล่าลือ จะยึดถือเอาเป็นจริงยังกริ่งใจ
ความเลื่องลือต่อต่อก่อให้วุ่น      อย่าเพ่อฉุนเชื่อนักมักเหลวไหล
ควรฟังหูไว้หูดูดูไป พกหินไว้มีคุณกว่านุ่นเอย ฯ
หลวงประสิทธิ์อักษรสาร (เทศ) แต่ง ร้องลำลองเรือ พระนคร

ดุเหว่า

   ดุเอ่ยดุเหว่า ฝีปากเจ้าเหลือเอกวิเวกหวาน
ผู้ใดฟังวังเวงบรรเลงลาญ น่าสงสารน้ำเสียงเจ้าเกลี้ยงกลม
เป็นมนุษย์สุดดีก็ที่ปาก ถึงจนยากพูดจริงทุกสิ่งสม
ไม่หลอนหลอกปลอกปลิ้นด้วยลิ้นลม      คนคงชมว่าเพราะเสนาะเอย ฯ
นายแก้ว แต่ง ร้องลำเขมรใหญ่

นกกระจาบ

   นกเอ๋ยนกกระจาบ เห็นใบพงลงคาบค่อยเพียรขน
มาสอดสอยด้วยจงอยปากของตน      ราวกับคนช่างพินิจคิดทำรัง
ช่างละเอียดเสียดสลับออกซับซ้อน อยู่พักร้อนนอนร่มได้สมหวัง
แม้นทำการหมั่นพินิจคิดระวัง ให้ได้ดังนกกระจาบไม่หยาบเอย ฯ
นายทัด เปรียญ แต่ง ร้องลำตะลุ่มโปง

หนูหริ่ง

   หนูเอ๋ยหนูหริ่ง ไววิ่งซ่อนซุกกุกกัก
ค้อนทับกับแจ้แย่ตารัก เพราะชั่วนักไม่น่าจะปราณี
จะกินได้หรือมิได้ก็ไม่ว่า ชั้นผ่อนผ้ากัดค้นจนป่นปี้
ทำสิ่งใดใช่ประโยชน์แม้นโทษมี      เป็นไม่ดีอย่าทำจงจำเอย ฯ
นายแก้ว แต่ง ร้องลำจีนขวัญอ่อน

โอละเห่

   โอเอ๋ยโอละเห่ คิดถ่ายเทตื่นนอนแต่ก่อนไก่
ทำขนมแชงม้าหากำไร เกิดขัดใจกันในครัวทั้งผัวเมีย
ผัวตีเมียเมียด่าท้าขรม ลืมขนมทิ้งไว้ไม่คนเขี่ย
ก้นหม้อเกรียมไหม้ไฟลวกเลีย      ขนมเสียเพราะวิวาทขาดทุนเอย ฯ
สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์ ร้องลำจีนต่อยหม้อ

ลิงลม

   ลิงเอยลิงลม ไฉนอมข้าวพองตรองไม่เห็น
ลิงก็มีฟันเขี้ยวเคี้ยวก็เป็น      มาอมนิ่งเล่นเล่นไม่เห็นควร
แม้ทำการสิ่งใดไม่ตลอด มาท้อทอดกลางคันคิดหันหวน
ทำโอ้โอ้เอ้เอ้ลงเรรวน คนจะสรวลบัดสีไม่ดีเอย ฯ
นายทัด เปรียญ แต่ง ร้องลำสมิงทองมอญ

อิ่มก่อน

   อิ่มเอ๋ยอิ่มก่อน รีบจะไปดูละครโขนหนัง
ทิ้งสำรับคับค้อนไว้รุงรัง เหมาคนอิ่มทีหลังให้ล้างชาม
การเฝ้าเอาเปรียบกันอย่างนี้ มิดีหนอเจ้าฟังเราห้าม
คบเพื่อนฝูงจงอุตส่าห์พยายาม      รักษาความสามัคคีจะดีเอย ฯ
สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์ ร้องลำสระบุหร่งนอก

ซุ่มมรดี

   ซุ่มเอ๋ยซุมมรดี จะเสียทีก็เพราะเพลินจนเลินเล่อ
ระวังตนอย่าเป็นคนเผลอเรอ ระวังพูดอย่าให้เพ้อถึงความใน
แม้นใครไม่ระวังตั้งเป็นหลัก      เดินก็มักพลาดพื้นลื่นไถล
พูดก็มักพร่ำเผลอเพ้อเจ้อไป ระวังไว้เป็นทุนแม่คุณเอย ฯ
นายทัด เปรียญ แต่ง ร้องลำช้างประสานงา


คำปฏิญาณของลูกเสือไทย

            ในวันถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่สวนลุมพินีเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตของพระองค์ ในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน บรรดาลูกเสือจากโรงเรียนต่าง ๆ ในกรุงเทพ ฯ จะเดินขบวนไปถวายบังคมเป็นประจำทุกปี ถ้าโรงเรียนอยู่ไม่ไกลนัก ก็จะจัดกระบวนแถวลูกเสือจากโรงเรียนของตน มีกองดุริยางค์ที่บรรเลงโดยลูกเสือโรงเรียนนั้น ๆ นำขบวน มีผู้กำกับลูกเสือจากครูอาจารย์ของโรงเรียนนั้น ๆ กำกับไปด้วยอย่างมีระเบียบและสง่างาม ลูกเสือทุกคนมีไม้พลองสีขาวถือพลองอยู่ในท่าถืออาวุธของทหารคือ เมื่ออยู่ในแถวจะอยู่ในท่าเรียบอาวุธ เมื่อเคลื่อนที่จะอยู่ในท่าคอนอาวุธ เมื่อเดินขบวนจะอยูในท่าแบกอาวุธ และเมื่อพักแถวจะรวมพลองไว้ด้วยกันตามแบบรวมอาวุธ
            เมื่อไปถึงพร้อมกันที่บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์แล้ว ก็จะมีพิธีปฏิญาณตน โดยที่ลูกเสือทุกคนนั่งคุกเข่าถือหมวกไว้ในมือ โดยคุกเข่าขวาลงบนพื้นเข่าซ้ายตั้งฉาก วางมือซ้ายบนเข่าซ้าย ฝ่ามือหงายขึ้นแล้วใช้มือขวาหยิบหมวกบนศีรษะมาวางไว้บนฝ่ามือซ้าย แล้วทิ้งแขนขวาลงข้างตัว แล้วเริ่มกล่าวคำปฏิญาณพร้อมกันดังนี้
 

         ข้าลูกเสือ เชื้อไทย ใจเคารพ         ขอนอบนบ บาทบงส์ พระทรงศรี
พระบาท มงกุฏเกล้า จอมเมาฬี ทรงปราณี กอบเกื้อ ลูกเสือมา
ทรงอุตส่าห์ อบรม บ่มนิสัย ให้มีใจ รักชาติ ศาสนา
ทรงสั่งสอน สรรพกิจ วิทยา เป็นอาภา ผ่องผุด วุฒิไกร
ดังดวงจัน ทราทิตย์ ประสิทธิ์แสง กระจ่างแจ้ง แจ่มภพ สบสมัย
พระคุณนี้ จะสถิต สนิทใน ดวงหทัย ทวยราษฎร์ ไม่คลาดเอย


ข้อเตือนใจจากที่อื่นๆ

วิชาเหมือนสินค้า

     วิชาเหมือนสินค้า      อันมีค่าอยู่เมืองไกล
สู้ยากลำบากไป จึงจะได้สินค้ามา
จงตั้งเอากายเจ้า เป็นสำเภาอันโสภา
ความเพียรเป็นโยธา แขนซ้ายขวาต่างเสาใบ
นิ้วมือเป็นสายระยาง สองเท้าอย่างสมอใหญ่
ปากเป็นนายงานไป อัธยาศัยเป็นเสบียง
สติเป็นหางเสือ ถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง
ถือไว้อย่าให้เอียง ตัดแล่นเลี่ยงข้ามคงคา
ปัญญาเป็นกล้องแก้ว ส่องดูแถวแนวหินผา
เจ้าจงเอาหูตา เป็นล้าต้าฝ่าคลื่นลม
ขี้เกียจคือปลาร้าย จะทำลายให้เรือจม
เอาใจเป็นปืนคม ยิงระดมให้จมไป
จึงจะได้สินค้ามา คือวิชาอันพิสมัย
จงหมั่นมั่นหมายใจ อย่าได้คร้านการวิชา

ปากเป็นเอกเลขเป็นโท

     ปากเป็นเอกเหมือนเสกมนต์ใช้คนเชื่อ      ฉลาดเหลือวาจาปรีชาฉาน
จะกล่าวถ้อยร้อยคำไม่รำคาญ เป็นรากฐานเทิดตนพ้นรำเค็ญ
     เลขเป็นโทโบราณท่านสั่งสอน เร่งสังวรเวี่ยไว้ใช้ว่าเล่น
การคำนวณควรชำนาญคูณหารเป็น ช่วยให้เด่นดีนักหนารู้ค่าคน
     หนังสือเป็นตรีวิชาปัญญาเลิศ เรียนไปเถิดรู้ไว้ไม่ไร้ผล
ยามยากแค้นแสนคับไม่อับจน ได้เลี้ยงตนด้วยวิชาหาทรัพย์ทวี
     ชั่วดีเป็นตราประทับไว้กับโลก ยามวิโยคชีพยับ ลับร่างหนี
ที่สูญแท้ก็แต่ตัวก็แต่ตัวส่วนชั่วดี คงที่เป็นลือทั่วชั่วฟ้าดิน

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

     เราเกิดมาทั้งทีชีวิตหนึ่ง อย่าหมายพึ่งผู้ใดให้เขาหยัน
ควรคะนึงพึ่งตนทนกัดฟัน คิดบากบั่นตั้งหน้ามานะนำ
     กสิกิจพณิชยการงามมีเกียรติ อย่าหยามเหยียดพาลหาว่างานต่ำ
หรือจะชอบวิชาอุตสาหกรรม เชิญเลือกทำตามถนัดอย่าผลัดวัน
     เอาดวงใจเป็นทุนหนุนนำหน้า เอาปัญญาเป็นแรงมุ่งแข่งขัน
เอาความเพียรเป็นยานประสานกัน      ผลจะบรรลุสู่ประตูชัย
     เงินและทองกองอยู่ประตูหน้า คอยเปิดอ้ายิ้มรับไม่ขับไส
ทรัพย์ในดินสินในน้ำออกคล่ำไป แหลมทองไทยพร้อมจะช่วย อำนวยเอย ฯ

รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง

     อันนกกาอาศัยซึ่งปีกหาง            ไปสู่ทางที่ประสงค์จำนงหมาย
รู้หลบหลีกปีกป้องประคองกาย            อันตรายมิได้ใกล้ให้อาวรณ์
     แม้นจะมีพรานไพรใจฉกาจ            คอยพิฆาตฆ่าด้วยธนูศร
ใช้ปีกหลบหางหลีกปลีกทางจร            ไม่ม้วยมรณ์ร่อนลงระหว่างทาง
     ฉันใดคนควรมีคติวิเศษ            คือรู้เลศ หลบหลีก เหมือนปีกหาง
เอาปัญญาเป็นปีกคอยกันกาง            สติเป็นหางอีกด้วยช่วยเชิดชู
     อันเชิงหนีทีไล่ต้องให้พร้อม            อย่าเพิ่งยอมจนปัญญาน่าอดสู
ถึงเสียหลักต้องหลบให้น่าดู            ทั้งต้องรู้เชิงหลีกปลีกคนดี

นาวาของชาติ
        เมื่อเราลงนาวาฝ่าลมคลื่น            ให้ราบรื่นเร่งรุดถึงจุดหมาย
ต้องร่วมแรงแข็งขันช่วยกันพาย            ทั้งหญิงชายอย่าเกี่ยงเลี่ยงมารยา
        มือไม่พายอย่าเอาเท้ามาราน้ำ            ถึงแม้เรือไม่ล่มก็ช้าล่า
เรือลำอื่นเขาไปไกลลิบตา            แต่นาวาเรายังฝืนโต้คลื่นลม
        เปรียบจะสร้างชาติไทยให้ใหญ่ยิ่ง            ต้องร่วมกันจริงจริงจึงเสร็จสม
ช่วยกันคิดเหลียวแลแก้เงื่อนปม            ที่ยังด้อยค่อยระดมโดยจริงจัง
        อย่าดูเบาเอาแต่ติดำริว่า            จะเหมือนดังนาวาไม่ถึงฝั่ง
จงร่วมรักสามัคคีมีพลัง            เกิดพลาดพลั้งเรือจมล่มชาติเอย

| มูลบทบรรพกิจ | ข้อเตือนใจในแบบเรียนเร็ว |ข้อเตือนใจจากบทดอกสร้อย |
| คำปฏิญาณของลูกเสือไทย | ข้อเตือนใจจากที่อื่นๆ | วรรณคดีไทยร้อยกรอง | โคลงพระราชพงศาวดาร |
| หน้าแรก | ชาติไทย| ศาสนา| พระมหากษัตริย์ | หน้าต่อไป | ย้อนกลับ | บน|