| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |
| พัฒนาทางประวัติศาสตร์ | มรดกทางธรรมชาติ | มรดกทางวัฒนธรรม | มรดกทางพระพุทธศาสนา |

จังหวัดฉะเชิงเทรา

            จังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งอยู่ในเขตภาคกลางตะวันออก อยู่ในกลุ่มจังหวัดชายทะเลตะวันออก ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไป มีที่ดินดอนเป็นบางส่วน ประกอบด้วยภูเขาเตี้ย ๆ หลายลูก บางส่วนของพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึงประมาณ ๒๐ เมตร แต่ก็มีบางส่วนที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล โดยเฉพาะแถบชายฝั่งแม่น้ำบางปะกงที่น้ำทะเลท่วมถึง จึงได้มีการทำเขื่อนกั้นน้ำทะเล ทำให้เกิดพื้นที่สวนมาแต่อดีต
            แม่น้ำบางปะกงไหลผ่านพื้นที่ส่วนใหญ่ของฉะเชิงเทราคือ อำเภอบางน้ำเปรี้ยว อำเภอบางคล้า กิ่งอำเภอคลองเขื่อน อำเภอเมือง ฯ อำเภอบ้านโพธิ์ แล้วไหลลงสู่อ่าวไทยที่อำเภอบางปะกง ทำให้เกิดที่ราบลุ่มภาคตะวันออกเฉียงใต้ เชื่อมติดต่อกับแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นพื้นที่ที่มีการทำนามากแห่งหนึ่งของประเทศ มีชื่อเรียกว่าที่ราบฉนวนไทย นับได้ว่าเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญ ของภาคตะวันออกของไทย
            พื้นที่บริเวณตอนกลางค่อนไปทางตะวันออก และทางเหนือที่ติดต่อกับจังหวัดปราจีนบุรี มีพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของจังหวัดได้แก่ พื้นที่ในเขตอำเภอสนามชัยเขต อำเภอท่าตะเกียบ กับบางส่วนของอำเภอพนมสารคาม และอำเภอแปลงยาว เป็นเขตที่ดอนและที่ราบลูกฟูก ส่วนเขตที่ราบสูงและภูเขาจะอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ในเขตอำเภอสนามชัยเขต และอำเภอท่าตะเกียบ
            แหล่งน้ำตามธรรมชาติจากผิวดินหรือน้ำท่าที่สำคัญ ได้แก่ แม่น้ำบางปะกง ซึ่งไหลผ่านพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัด นอกจากนี้ยังมีคลองต่าง ๆ ได้แก่ คลองท่าลาดในเขตอำเภอพนมสารคาม คลองสียัด และคลองระบม ในเขตอำเภอสนามชัยเขต และยังมีคลองที่เชื่อมต่อกรุงเทพ ฯ และจังหวัดสมุทรปราการหลายคลอง เช่น คลองสำโรง คลองแสนแสบ คลองท่าไข่ คลองบางขนาก และคลองประเวศน์บุรีรมย์ คลองดังกล่าวทั้งหมดใช้เป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งทางน้ำที่สำคัญรองลงมาจากแม่น้ำบางปะกง
            สภาพภูมิประเทศของจังหวัดฉะเชิงเทราส่วนใหญ่ เหมาะแก่การเพาะปลูก พื้นที่เพาะปลูกอาจแบ่งได้กว้าง ๆ เป็นสองส่วนคือ ส่วนที่เป็นที่ราบลูกฟูกจะเหมาะแก่การทำไร่ และปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ ส่วนในที่ราบ และที่ราบลุ่มแม่น้ำบางปะกง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของจังหวัด พื้นที่ส่วนนี้อยู่ในเขตชลประทาน จึงเหมาะแก่การทำนาข้าว การปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์
            ในอดีต จังหวัดฉะเชิงเทรามีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านเกษตรกรรม ดังจะเห็นได้จากรูปปูนปั้น บนเชิงชายของอุโบสถวัดสัมปทวนนอก นับเป็นการบันทึกที่เก่าแก่ที่แสดงถึงวิถีชีวิตของบรรพบุรุษชาวแปดริ้ว ผู้เป็นเกษตรกรที่มีความสามารถทางชลประทาน รู้จักการสร้างเขื่อนกั้นน้ำทะเลบริเวณชายฝั่งแม่น้ำบางปะกงที่มีน้ำทะเลท่วมถึง คลองบางขนากเป็นคลองที่ขุดขึ้นเป็นคลองแรกเพื่อขยายพื้นที่การปลูกข้าว และใช้เป็นเส้นทางลำเลียงสินค้าข้าว คลองนี้ขุดเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๘๑ ระหว่างที่ไทยทำสงครามกับญวน เพื่อใช้ประโยชน์ในทางทหาร

            กลุ่มชนต่าง ๆ ในจังหวัดฉะเชิงเทรามีอยู่หลายเชื้อชาติด้วยกันคือ เขมร ลาว รามัญ และจีน โดยได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ส่วนหนึ่งถูกกวาดต้อนมา
            ชาวจีน  เข้ามาครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในชั้นแรกได้เข้ามาตั้งหลักแหล่งอยู่ในเขตเมืองฉะเชิงเทรา และเมืองปราจีนบุรี ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ชาวจีนที่อยู่ที่เมืองฉะเชิงเทราได้ขยายตัวมาตั้งหลักแหล่ง ในเขตบ้านท่าเกวียนและบ้านเกาะขนุน เพราะเป็นแหล่งชุมชนทางการค้าและการคมนาคม บ้านท่าเกวียน เป็นชุมทางเกวียนที่เดินทางมาจากอำเภอโคกปีบ บ้านท่าลาด เป็นแหล่งที่นำสินค้าของป่ามาลงเรือ เพื่อไปยังเมืองฉะเชิงเทรา
            ชาวลาว  ได้อพยพมาจากเวียงจันทน์เมื่อประมาณ ๒๐๐ ปีมาแล้ว ได้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านเมืองกาย อำเภอพนมสารคาม นอกจากนี้ยังตั้งถิ่นฐานที่คลองท่าไข่ อำเภอเมือง ฯ และอำเภอสนามชัยเขต มีทั้งลาวพวน ลาวเวียง และลาวเมืองพลาน ที่อำเภอสนามชัยเขตมีลาวเวียง ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านดอนท่านา ตำบลคู้ยายหมี
            ชาวรามัญ  ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณคลอง ๑๔ ตำบลดอนฉิมพลี อำเภอบางน้ำเปรี้ยว และที่ตำบลพิมพา อำเภอบางปะกง ซึ่งยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี
            ชาวเขมร  ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านดงยาง และบ้านสระสองตอน ในเขตอำเภอพนมสารคาม ในอดีตได้มีชาวเขมรถูกกวาดต้อนเข้ามาอยู่ในเขตพนมสารคามจำนวนหนึ่ง และให้สังกัดกรมกองตามระบบในสมัยนั้น และมีหน้าที่ทำงานให้แก่ทางราชการเช่นเป็นเลกคงเมือง อยู่เวรประจำการ ทำงานโยธาในเมืองนั้นส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเป็นเลกส่วยส่งส่วยให้หลวง เช่น ส่วยทองคำ ส่วยเร่ว ยังมีชาวเขมรอยู่ที่บ้านแปลงยาว และบ้านหัวสำโรงในเขตอำเภอแปลงยาว ได้มีการสร้างวัดประจำหมู่บ้าน และรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี ตลอดจนภาษาของตนไว้

| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |