| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป |
| พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ | มรดกทางธรรมชาติ | มรดกทางวัฒนธรรม | มรดกทางพระพุทธศาสนา |

มรดกทางวัฒนธรรม
โบราณสถานและโบราณวัตถุ
   โบราณวัตถุ
            จังหวัดนราธิวาสมีโบราณวัตถุที่พบแล้วอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่อยู่ในความครอบครองของเอกชน บางแห่ง วัดในพระพุทธศาสนารวบรวมไว้ แหล่งรวบรวมโบราณวัตถุดังกล่าวพอประมวลได้ดังนี้

            พิพิธภัณฑ์โละจูด  เป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนแห่งแรกและแห่งเดียวของอำเภอแว้ง ได้จดทะเบียนเป็นพิพิธภัณฑ์ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๖ โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้มาช่วยการจัดหมวดหมู่ เป็นการริเริ่มของนายเจ๊ะปอ ลอดีง อดีตกำนันตำบลโละจูด ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๑ โดยใช้บ้านของตนเป็นศูนย์ดำเนินการก่อสร้าง อาคารพิพิธภัณฑ์แบบทรงไทย แล้วออกรวบรวมโบราณวัตถุตามหมู่บ้านต่าง ๆ ได้แก่ บ้านบาลา บ้านซะ บ้านสาวอ และบ้านโละจูด ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนดั้งเดิม ในปี พ.ศ.๒๕๓๔ ได้รับพระราชทานรางวัลอนุรักษ์มรดกไทย
            ศิลปวัตถุที่รวบรวมไว้มีอายุระหว่าง ๑๐๐ - ๓๕๐ ปี มีอยู่ประมาณกว่า ๒๐๐ ชิ้น แบ่งประเภทออกเป็น
                - เครื่องใช้สอย เช่น เครื่องกระเบื้องเคลือบ เครื่องทองเหลือง เครื่องดินเผา เครื่องจักสาน และเครื่องโลหะ ขอสับช้าง กระดิ่ง
                - อาวุธ ได้แก่ หอก ดาบ มีด พร้า ขอ ขวานชนิดและแบบต่าง ๆ  กริช
                - เครื่องประดับ ได้แก่ หัวสัตว์ เขาสัตว์ และสัตว์สตาฟต่าง ๆ  ดอกไม้
                - เงินตรา มีเงินตราต่าง ๆ
            ศูนย์รวบรวมโบราณวัตถุวัดตันติการาม  อยู่ที่บ้านดอหลัง ตำบลตันหยงสิมอ อำเภอระแงะ  เป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุประมาณ ๑๐๐ ชิ้น ส่วนมากเป็นพระพุทธรูป พระเครื่อง เครื่องมือ เครื่องใช้ อาวุธในสมัยโบราณ และซากสัตว์ เป็นต้น

            โบราณวัตถุที่บ้านบาตง  อยู่ที่บ้านบาตง ตำบลบาตง อำเภอรือเสาะ  เป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุที่มีค่าประมาณ ๑๐๐ ชิ้น ที่มีประโยชน์ในทางประวัติศาสตร์ และศิลปะ ได้แก่ เครื่องถ้วยชามเซรามิค ผ้าประเภทต่าง ๆ  เครื่องทองเหลือง เครื่องประดับเงิน - ทอง  เครื่องมือดักจับสัตว์ อาวุธปืน อาวุธต่าง ๆ เช่น กริช มีด กระบี่ซามูไร  ของใช้ทำจากไม้ เช่น แท่นรองพระคัมภีร์ (แท่งไม้กล)  เครื่องทองเหลือง เป็นต้น
            ปืนใหญ่แบบเลลา  พบโดยชาวบ้านนาดา อำเภอรือเสาะ  เป็นปืนขนาดเล็กแบบเลลา ในอดีตนิยมใช้กันมากเนื่องจากสามารถนำเคลื่อนที่ไปได้ มีผู้สันนิษฐานว่าเป็นของเจ้าเมืองลีซอ เพราะมีข้อความบนดุมปืนเป็นภาษามลายูโบราณ แปลความว่า ไม้เรียวของเจ้าอารอนบัส  คำว่า อารอนบัส มีลักษณะสอดคล้องกับเจ้าเมืองลีซอ  ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของผู้ใหญ่บ้านนาดา
           ศูนย์รวบรวมโบราณวัตถุวัดราษฎร์สโมสร  อยู่ในเขตอำเภอรือเสาะ ริเริ่มโดยพระไพโรจน์นราธิคุณ (หลวงพ่อพลับ อินทโชโต) อดีตเจ้าอาวาส ได้รวบรวมสิ่งของต่าง ๆ ที่ได้รับบริจาคมาจัดหมวดหมู่แสดงไว้ให้ผู้สนใจเข้าชม ประกอบด้วยพระพุทธรูปและ
พระเครื่อง แบบต่าง ๆ  เครื่องมือเครื่องใช้ อาวุธ เงินตราที่เป็นธนบัตรและเหรียญกษาปณ์สกุลต่าง ๆ เป็นต้น
            เครื่องบดสมุนไพรแบบลูกกลิ้ง  พบอยู่ในบริเวณป่ายางในวังเก่าตันหยงไอร์เต๊ะ อำเภอรือเสาะ  เครื่องบดสมุนไพรนี้บางครั้งเรียกว่า ครกเบื้อง ทำจากหินแกรนิตเนื้อแกร่ง ยาวประมาณหนึ่งคืบ แผ่นหินสำหรับวางสมุนไพรแบบราบเรียบเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยปกติแล้วจะมีลูกกลิ้งหิน รูปร่างทรงกระบอกปลายมนอีกหนึ่งแท่ง ใช้บดกลิ้งบนแผ่นหิน ใช้ในการบดสมุนไพรและบดเครื่องแกง
แหล่งโบราณคดี
            สุสานโบราณ  มีสุสานโบราณอยู่หลายแห่งที่เป็นร่องรอยการประกอบกิจกรรมทางศาสนาในอดีต ปัจจุบันถูกทอดทิ้ง ไม่มีผู้ดูแล นับวันจะสูญหายไป
            สุสานเก่าแก่บ้านบือแนรายอ  อยู่ในเขตตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ  เป็นที่ฝังศพของเจ้านายในสมัยก่อน อยู่ติดกับเมืองรายอซิยง ปัจจุบันเหนือสุสานมีก้อนหินแบบธรรมชาติ มีการก่อกำแพงล้อมรอบ ภายในบริเวณมีต้นไม้ยืนต้นปกคลุม มีพื้นที่กว้างประมาณ ๑๐ ไร่ ใช้ฝังศพชาวบ้านมาจนถึงปัจจุบัน
            สุสานนิรนามบ้านจือแร  อยู่ในเขตตำบลสาวอ อำเภอรือเสาะ  เป็นสุสานเก่าแก่สมัยเมืองรามันยังขึ้นอยู่กับเมืองปัตตานี เป็นสุสานกว้างใหญ่ที่สุด เท่าที่พบในเขตจังหวัดนราธิวาส มีการกระจายของหินประดับสุสานเป็นพื้นที่ประมาณ ๑ ตารางกิโลเมตร ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นที่ฝังศพวีรชน หรือทหารที่เสียชีวิตจากการสู้รบ และบรรดาผู้ที่เสียชีวิตจากการประลองฝีมือการใช้กริช เนื่องจากบริเวณดังกล่าว มีการใช้กริชมาตั้งแต่สมัยโบราณ ปัจจุบันถือว่ากริชปานาซาเร๊ะ ซึ่งมีความสง่างามที่สุด เมื่อเทียบกับกริชประเภทต่าง ๆ มีถิ่นกำเนิดมาจากแหล่งนี้
แหล่งประวัติศาสตร์
           แหล่งวังพระยาระแงะ (ตันหยงมัส)  เป็นสถานที่อยู่ของเจ้าเมืองระแงะ บริเวณบ้านตันหยงมัส ปัจจุบันเป็นสวนยาง พบเศษถ้วยชามติดกับวังพระยาระแงะ มีแม่น้ำหรือคลองตันหยงมัส ซึ่งเป็นลำน้ำที่เป็นประโยชน์แก่ชาวเมืองในสมัยนั้น ที่บ้านร่อนมีการร่อนทองในแม่น้ำ ต้นไทรที่ผูกช้างของเจ้าเมืองยังคงปรากฏอยู่ในปัจจุบัน บริเวณบ้านพักนายอำเภอเคยเป็นหลักประหารนักโทษในสมัยก่อน
            แหล่งคลองไอร์สะเตง บ้านนาดา - บ้านบราแง  อยู่ในเขตตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ  เป็นสถานที่พบปืนใหญ่แบบเลลา และเป็นแหล่งพบซากเรือฝังอยู่ ชาวบ้านเล่าว่าเรือที่จมอยู่นี้เป็นเรือพระที่ล่มลงเนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยวนานมาแล้ว ยังไม่ทราบว่าอยู่ในสมัยใด
            แหล่งแม่น้ำสายบุรี  ตลอดสองฝั่งของแม่น้ำสายนี้มีบ้านเรือนและวังต่าง ๆ ตั้งอยู่หลายแห่งในอดีตที่เป็นเมืองบริวารของเมืองปัตตานี วังส่วนใหญ่ถูกทิ้งร้างนานมาแล้ว เช่น วังตันหยงไอร์เต๊ะ และวังกอตอ เป็นต้น
            ส่วนหมู่บ้านที่ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบันได้แก่ บ้านรือเสาะ ซึ่งอยู่ริมน้ำบ้านตะโละบาโย อยู่บริเวณใกล้บ้านท่าเรือ  เนื่องจากแม่น้ำสายบุรีมีกระแสน้ำเชี่ยวกราก ทำให้กัดเซาะชายฝั่งได้อย่างรวดเร็ว ลำน้ำคดเคี้ยวเปลี่ยนทางเดินใหม่เกิดสภาวะเป็นพรุที่ชาวบ้านเรียกว่า แม่น้ำตาย (สุงามาตี) เท่าที่พบแล้วมีอยู่สองแห่ง เป็นที่ตั้งของวังเก่ากอตอ วังเก่ารายอเชียง วังเก่าตันหยงไอร์เต๊ะ และวังเก่ากอตอซือนอ
            แหล่งกูจิงลือปะ - ลุโบ๊ะกาเยาะ - มัสยิดใหญ่  อยู่ในเขตตำบลบองอ อำเภอระแงะ  เป็นสถานที่ที่พระยาระแงะไปเก็บทุเรียน และข้าวในทุ่งเป็นประจำทุกปี และได้ปล่อยแมวไว้หนึ่งตัวจึงได้เรียกชื่อบ้านว่ากูจิงลือปะ (แปลว่าปล่อยแมว)  ส่วนที่บริเวณหลังมัสยิดใหญ่ของหมู่บ้าน มีสุสานของพระยาระแงะ และผู้ใกล้ชิด
ย่านประวัติศาสตร์
            บ้านพร่อน  ในเขตตำบลพร่อน อำเภอตากใบ  เป็นพื้นที่เก่าแก่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เป็นจุดที่เริ่มต้นของอำเภอตากใบ มีร่องรอยทางประวัติศาสตร์อยู่มาก เป็นประวัติยุคต้นประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๘  มีร่องรอยป้อมค่าย คูเมือง เครื่องถ้วยชาม เครื่องปั้นดินเผาอยู่มาก
            โคกอิฐ  อยู่ในเขตตำบลพร่อน อำเภอตากใบ  มีลักษณะเป็นโคกอยู่กลางทุ่งนา มีร่องรอยการตั้งชุมชนในสมัยโบราณเป็นโคกสูงน้ำท่วมไม่ถึง ปัจจุบันใช้ทำสวน และเลี้ยงสัตว์ในฤดูฝน มีพื้นที่ประมาณหนึ่งไร่ชาวบ้านเรียกว่า อิฐกอง เพราะมีเศษอิฐกระจายอยู่เกลื่อนกลาด
            ชุมชนวัดพระพุทธ (วัดตีนใต้)  เป็นชุมชนโบราณ สมัยเดียวกับบ้านพร่อนและโคกอิฐ เดิมชาวบ้านเรียกว่า วัดพร่อน ชาวบ้านได้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ.๒๓๒๐ ในปี พ.ศ.๒๓๓๐ จึงได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นให้ชื่อว่า วัดโพธารามสมุหสถาน ภายในวัดมีศาลาการเปรียญรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้างด้านละ ๗.๕๐ เมตร  โครงสร้างเป็นอาคารไม้แบบจตุรมุข ย่อมมุมไม้สิบสอง ภายในประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และพระพุทธรูปทำด้วยแก่นไม้จำปาแดงสลักปิดทอง นอกจากนี้ยังมีทรากเจดีย์เก่าอีกสององค์ตั้งอยู่ห่างกันประมาณ ๕ เมตร

            บ้านยะกัง  เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยของชาวประมงค์เชื้อสานจีน นับถือศาสนาอิสลาม ปัจจุบันมีฮวงซุ้ยอยู่กลางหมู่บ้านเป็นหลักฐาน
            ชุมชนประมงบ้านบาเละฮิเล  เป็นย่านการค้าอาหารทะเลสด จำพวกปู ปลา กุ้ง หอย ที่ชาวประมงที่ใช้เรือขนาดเล็กนำมาขาย ชุมชนแห่งนี้มีชาวพื้นเมืองอาศัยอยู่มา ตั้งแต่สมัยโบราณ ปัจจุบันมีมัสยิดตั้งอยู่บริเวณใกล้ชุมชน
แหล่งอุตสาหกรรม
            แหล่งเหมืองแร่ดีบุก  มีการทำเหมืองแร่ดีบุกมากในอดีตที่บริเวณอำเภอระแงะ และอำเภอรือเสาะ ยังมีร่องรอยของเหมืองแร่ดังกล่าวอยู่ในบริเวณตำบลเรียง อำเภอรือเสาะ และที่บ้านป่าไผ่ อำเภอระแงะ ปัจจุบันเหมืองดังกล่าวเลิกกิจการไปแล้วเนื่องจากแร่หมด
            แหล่งเหมืองทองบ้านโต๊ะโม๊ะ  เป็นอุตสาหกรรมทำเหมืองแร่ทองคำ ได้รับสัมปทานทำเหมืองแร่ ในเขตอำเภอภูเขาทอง กิ่งอำเภอโต๊ะโม๊ะ กิ่งอำเภอนี้จัดตั้งขึ้นเพราะมีชาวฝรั่งเศสกลุ่มหนึ่ง ได้ขอสัมปทานทำเหมืองแร่ทองคำบริเวณเทือกเขาลีซอ ตำบลโต๊ะโม๊ะ เมื่อมีราษฎรอพยพเข้ามาอยู่เป็นจำนวนมาก ทางราชการจึงได้พิจารณาจัดตั้งกิ่งอำเภอขึ้น โดยแบ่งเขตการปกครองออกเป็น ๒ ตำบล คือตำบลโต๊ะโม๊ะ และตำบลบาโมง
            ในปี พ.ศ.๒๔๘๒  เกิดกระณีพิพาทอินโดจีนระหว่างไทยกับอินโดจีนฝรั่งเศส ทำให้ชาวฝรั่งเศสเจ้าของกิจการเหมืองแร่ทองคำได้ละทิ้งเหมืองแร่ไป ทางรัฐบาลไทยโดยกรมโลหะกิจ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้แต่งตั้งพระอุดมธรณีศาสตร์ มาเป็นผู้ดำเนินการเหมืองแทน ได้ประมาณปีเศษ ได้เกิดความไม่สงบในบริเวณเหมือง ต่อมาจึงได้เลิกกิจการไป บรรดาคนไทยที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ได้อพยพออกไปหมด ในปี พ.ศ.๒๔๘๔ กิ่งอำเภอโต๊ะโม๊ะ ก็ถูกยุบเลิกไป

| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน |