| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | |
| พัฒนาทางประวัติศาสตร์ | มรดกทางธรรมชาติ | มรดกทางวัฒนธรรม | มรดกทางพระพุทธศาสนา | |
ประดิษฐาน อยู่ที่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง ฯ
พระธาตุเชิงชุม เป็นปูชนียสถานที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่ง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
และมีความเกี่ยวข้องกับประวัติเมืองสกลนครมาโดยตลอด
องค์พระธาตุเชิงชุมเป็นเจดีย์รูปปลียอดเหลี่ยมแบบลาว ภายในพระธาตุองค์จริงทำด้วยศิลาแลงก่อขึ้นเป็นรูปเจดีย์
เจดีย์ที่เห็นปัจจุบัน มีลักษณะเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนสี่เหลี่ยม สูงประมาณ
๒๙ เมตร มีซุ้มประตูเปิดปิดอยู่ทั้งสี่ด้าน แต่มีประตูที่ใช้ได้เพียงประตูเดียว
คือประตูด้านทิศตะวันออก การสร้างเจดีย์หุ้มพระธาตุองค์เดิม ไม่ปรากฎว่าสร้างเมื่อใด
ภายในวิหารวัดพระธาตุเชิงชุม ที่อยู่ติดกับองค์พระธาตุ ได้ประดิษฐานพระพุทธรูป
หลวงพ่อพระองค์แสน
เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยเชียงแสน เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนคร
ในวันขึ้น ๘ ค่ำ ถึง ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ของทุกปี จะมีงานสมโภชน์พระธาตุเชิงชุมเป็นประจำ
รายละเอียดของพระธาตุเชิงชุมรวมทั้งตำนานดูได้จาก พระธาตุเชิงชุม
ในเรื่องพระธาตุเจดีย์ ในกล่มศาสนาของหอมรดกไทย
พระธาตุนารายณ์เจงเวง
ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุภูเพ็ก ตำบลนาหัวบ่อ อำเภอพรรณานิคม มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเขมร
ศิลปะแบบบาปวน สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พุทธศตวรรษที่ ๑๕ - ๑๖
ฐานองค์พระธาตุมี ๑ ชั้นเป็นฐานสี่เหลี่ยม ทำเป็นบัวคว่ำบัวหงาย เรียกว่าฐานปัทม์
มีการย่อมุมทั้งสี่มุมไม่มีลวดลายประดับ เรือนธาตุมี ๑ ชั้น มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม
ย่อมุมไม้ทั้ง ๔ มุม มีมุขยื่นทางด้านทิศตะวันออกด้านเดียว และทำเป็นประตูหลอกไว้ทั้ง
๓ ด้าน คือด้านทิศตะวันตก ทิศเหนือและทิศใต้ ที่ผนังเรือนธาตุทั้งสี่ด้านไม่ปรากฎว่ามีภาพจำหลักและลวดลายใด
ๆ
พระธาตุภูเพ็กยังสร้างไม่เสร็จโดยเฉพาะเรือนยอดของพระธาตุ ซึ่งตามตำนานพระธาตุเชิงชุม
ได้กล่าวถึงการสร้างพระธาตุนารายณ์เจงเวงกับพระธาตุภูเพ็ก ซึ่งมีการแข่งขันกันให้เสร็จภายในหนึ่งวันกับหนึ่งคืน
ระหว่างฝ่ายชายซึ่งมีพระยาภิงคาระเป็นประธาน ฝ่ายหญิงมีพระนางนารายณ์เจงเวงเป็นประธาน
ฝ่ายชายเสียรู้ฝ่ายหญิงในข้อกติกา จึงหยุดสร้างเสียกลางคัน ฝ่ายหญิงได้สร้างพระธาตุนารายณ์เจงเวงเสร็จจึงเป็นฝ่ายชนะ
พระธาตุภูเพ็กจึงยังคงสภาพสร้างไม่เสร็จ มาจนถึงทุกวันนี้
พระธาตุดุม
ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุดุม บ้านธาตุดุม ตำบลงิ้วด่อน อำเภอเมือง ฯ เป็นสถาปัตยกรรมแบบเขมร
ศิลปะแบบบาปวน สร้างเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๕ - ๑๖ ปัจจุบันองค์พระธาตุเหลืออยู่เฉพาะองค์กลาง
ส่วนองค์ทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ คงเหลือเฉพาะฐานเท่านั้น สันนิษฐานว่า อาจจะยังสร้างไม่เสร็จในครั้งนั้นก็ได้
ฐานองค์พระธาตุก่อด้วยศิลาแลง ส่วนเรือนธาตุและยอดก่อด้วยอิฐ โดยใช้วิธีเรียงอิฐตามหน้ายาว และหน้าตัดอยู่ในแนวเดียวกัน การเรียงอิฐด้วยวิธีนี้จะไม่สอด้วยปูน ส่วนประกอบขององค์พระธาตุมีลวดลาย และภาพจำหลักประดับอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของ องค์พระธาตุ มีทับหลัง และกรอบประตูหลอก ซึ่งส่วนใหญ่ทำจากหินทราย องค์พระธาตุเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ตัวเรือนธาตุย่อมุมทั้งสี่มุม ผนังของเรือนธาตุทั้งด้านทิศเหนือทิศใต้ และทิศตะวันตกทำเป็นซุ้ม มีประตูหลอก เหนือประตูดังกล่าวมีทับหลัง เป็นลวดลายรูปสัตว์เช่น ช้าง และลายพรรณพฤกษา เป็นลวดลายก้านขด ส่วนด้านทิศตะวันออกทำเป็นซุ้ม สันนิษฐานว่า เป็นที่ประดิษฐาน สิ่งที่เคารพบูชา ส่วนยอดมีลักษณะสอบเรียวป้านขึ้นไปเรียกว่าเครื่องบน ประกอบด้วยเชิงบาตรคลายพุ่ม แต่ปัจจุบันได้พังทลายลงมาหมด จากตำนานพื้นบ้านกล่าวไว้ว่า เมื่อครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาท ที่พระธาตุเชิงชุมเมื่อพระพุทธองค์เสด็จกลับทางอากาศ ได้ทรงสลัดกระดุมไว้เป็นที่ระลึกแก่ชาวเมือง ชาวเมืองจึงได้ก่อสร้างพระธาตุขึ้น ณ บริเวณที่กระดุมตก เพื่อเป็นการระลึกถึงพระพุทธองค์ พระธาตุที่สร้างจึงมีชื่อว่าพระธาตุดุม ตามตำนานยังกล่าวว่า พระธาตุเชิงชุมและพระธาตุดุม สร้างขึ้นในระยะเวลาเดียวกัน |
ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุศรีมงคล บ้านธาตุ ตำบลวาริชภูมิ เดิมบริเวณที่ตั้งองค์พระธาตุเป็นป่าดง
ต่อมาได้มีชาวบ้านกลุมหนึ่งจากอำเภอวาริชภูมิ มาหักร้างถางพงเพื่อทำไร่ ได้พบพระธาตุตั้งอยู่กลางป่า
จึงได้แจ้งให้พระครูหลักคำ ประธานสงฆ์เมืองวารีทราบ และมาดูองค์พระธาตุ พระครูหลักคำแจ้งว่า
บริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่ที่เป็นมงคล จึงได้พร้อมใจกันตั้งชื่อพระธาตุองค์นี้ว่า
พระธาตุศรีมงคล และได้ตั้งวัดในชื่อเดียวกันกับพระธาตุ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๔
พระธาตุศรีมงคลสร้างคู่กับพระธาตุดงเชียวเครือ ซึ่งสร้างอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยพระไชยเชษฐา แห่งอาณาจักรล้านช้าง แต่ไม่ทราบว่า สร้างเมื่อปี พ.ศ. ใด ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๒ ได้มีการบูรณะปฏิสังขรพระธาตุศรีมงคลเป็นครั้งแรก โดยการก่ออิฐฉาบปูนขาว เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้มีการบูรณะพระธาตุศรีมงคลเป็นครั้งที่สอง โดยองค์พระธาตุเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก องค์พระธาตุมีฐานสองชั้น ฐานชั้นแรกเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสเรียกว่าฐานเขียง ฐานชั้นที่สองเป็นฐานบัวคว่ำ รองรับองค์เรือนธาตุ ซึ่งมีอยู่สองชั้น เรือนทาษเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสก่อซ้อนกัน เรือนธาตุชั้นสองเล็กกว่าเรือนธาตุชั้นแรก ผนังเรือนธาตุทั้งสี่ด้าน ทำเป็นรูปซุ้มจตุรทิศ ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนทั้ง ๔ ทิศ ผนังข้างซุ้มทั้ง ๔ ด้าน มีงานปฏิมากรรมดินเผา ประดับเรื่องพระพุทธประวัติตอนเสด็จออกทรงผนวช ปฐมเทศนา และเสด็จดับขันธปรินิพพาน เรือนธาตุชั้นสองไม่มีงานปฏิมากรรม คงมีแต่ซุ้มจตุรทิศ เป็นลักษณะซุ้มหน้านาง ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งทั้ง ๔ ด้าน ยอดพระธาตุเป็นยอดชั้นเดียว ทำเป็นรูปทรงดอกบัวเหลี่ยมเรียว ผนังภายนอกเรียบ ไม่มีลวดลายประดับ มีฉัตร ๗ ชั้นอยู่บนยอด |
| ย้อนกลับ | หน้าต่อไป | บน | |