ประชุมพงศาวดาร
หน้า ๑๐ หน้าต่อไป ๑๐ หอมรดกไทย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

พงศาวดารล้านช้าง
ปริเฉทที่ ๑

            เก็บความได้ดังนี้
            พระยายักษ์แต่เมืองลงกามาเป็นใหญ่ในนครศรีสัตนาคนหุต แต่ปฐมหัวที มีพระยายักษ์ตนหนึ่งชื่อนันทา เมียชื่อพระมหาเทวี ลูกชื่อนางกางริ (คือเมรี) ได้สืบเชื้อสายกันมาหลายชั่วคน ยังมีฤาษีสองตนพี่น้องมาเทศนาสั่งสอนธรรม แล้วฤาษีสองพี่น้องจึงแปลงเมืองบ้านล้านช้างขึ้นก่อน เมืองนี้ได้ชื่อว่า เชียงทอง เหตุเอาต้นทองเป็นนิมิตร ชื่อว่า เชียงคง เหตุเอานามคงเป็นนิมิตร ชื่อว่า ล้านช้าง เหตุเอาภูช้างเป็นนิมิตร แลเมืองนี้เรียกชื่อว่า ศรีสัตนาคนหุต เหตุเอานาคทั้งเจ็ดเป็นนิมิตร จึงเรียกศรีสัตนาคนหุตราชธานีเชียงคงเชียงทอง กาลล่วงมายังมีผู้หนึ่งอยู่เวียงจันทรพานิชซา ขึ้นมาค้าขายในเมืองเชียงคงเชียงทอง คืนหนึ่งฝันว่ามือขวาป่ายพระอาทิตย์ มือซ้ายป่ายพระจันทร์ สองตีนยันกงรถพระสุริยา พ่อค้าจึงไปหามหาเถรให้ช่วยทำนายฝัน มหาเถรทำนายว่า จะได้เงินทอง แก้วแหวน ช้างม้า เป็นอันมาก พ่อค้ามาเชียงทองเห็นเงินทองหลากสองฝั่งแม่น้ำโขง จึงเอามาให้ทานแก่คนยากจนเป็นอันมาก ชาวเมืองจึงยกให้เป็นพระยาในเชียงคงเชียงทอง ทำการสร้างบ้านแปงเมืองสืบราชวงศ์ ต่อมา
            ยังมีผู้หนึ่งชื่อ ขุนชวามาสร้างบ้านแปงเมือง ในเชียวคงเชียงทอง จึงได้ชื่อว่า เมืองชวา ขุนชวามีลูกคนหนึ่งชื่อ ยี่บา ได้ครองเมืองต่อมา ยี่บามีลูกคนหนึ่งชื่อ วิริยา ขุนวิริยามีลูกชื่อกันฮาง ขุนกันฮางมีลูกชื่อลูกลิง ขุนลูกลิงมีลูกชื่อระวัง ขุนระวังมีลูกชื่อยี่ผง เขาแปดคนพ่อลูกหลานเหลน ยังเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่กินบ้านล้านช้าง


ปริเฉทที่ ๒

            เมื่อกาลก่อนนั้น ก็เป็นดินเป็นหญ้าเป็นฟ้าเป็นแถน ฝีแลคนเที่ยวไปมาหากันมิได้ขาด
            ยังมีขุนใหญ่สามคน คนหนึ่งชื่อ ขุนคาน อยู่สร้างบ้านเมืองลุ่ม กินปลาทำนา เมืองลุ่มกินเข้า แถนจึงใช้ให้มากล่าวแก่คนทั้งหลายว่า ในเมืองลุ่มนี้จะทำการอะไรก็ให้บอกแก่แถน แต่คนทั้งหลายไม่ฟังคำแถน แถนจึงให้น้ำท่วมเมืองลุ่ม คนทั้งหลายก็ฉิบหายกันมาก
            ดังนั้น บู่ลางเชิงและขุนเด็ก ขุนคาน รู้ว่าแถนโกรธ จึงเอาไม้มาทำแพ แล้วเอาลูกเมียขึ้นมาอยู่บนแพนั้น แล้วน้ำก็พัดแพไปเมืองฟ้าเบื้องบน พระยาแถนจึงถามว่าขึ้นมาด้วยเหตุอันใด พวกเขาจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งปวงที่เกิดขึ้น พระยาแถนจึงว่าได้ใช้ให้ไปบอกกล่าวแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ฟัง
            ครั้งนั้น พระยาแถนจึงให้พวกเขาไปอยู่ที่บึงดอนแถนลอ  ต่อจากนั้น น้ำจึงแห้ง พวกเขาจึงขอพระยาแถนไปอยู่เมืองลุ่มลิดเลียง เมืองเพียงพักยอม พระยาแถนจึงให้เอาลงมาส่ง ทั้งให้ควายแก่เขาด้วย จึงมาตั้งอยู่ที่นาน้อยอ้อยหนู แต่นั้นมาเขาก็เอาควายมาทำนา อยู่มาสามปีความก็ตาย เขาทิ้งซากความไว้ที่นาน้อยอ้อยหนู อยู่มาไม่นานก็เกิดน้ำเต้าสามลูก เมื่อน้ำเต้าแก่คนทั้งหลายก็เกิดมาอาศัยอยู่ในน้ำเต้า
           ปู่ลางเชิงจึงเผาเหล็กแดงเจาะผลน้ำเต้า คนทั้งหลายก็เบียดกันออกมาจากรูนั้นอย่างคับคั่ง ขุนคามจึงเอาสิ่วไปเจาะรูให้กว้าง คนทั้งหลายก็พากันออกมานานประมาณสามวันสามคืนจึงหมด ผู้ที่ออกมาทางรูเหล็กแดงนั้น แบ่งออกเป็นสองพวก พวกหนึ่งเรียกชื่อว่า ไทยลม พวกหนึ่งเรียกไทยลี  ผู้ที่ออกมาทางรูสิ่วแบ่งออกเป็นสามพวก พวกหนึ่งเรียกไทยลิง พวกหนึ่งเรียกไทยลอ พวกหนึ่งเรียกไทยควาง
           ปู่ลางเชิงจึงสอนพวกเหล่านั้นให้ทำนา ทอผ้า แล้วให้แต่งงานมีบ้านเรือน มีลูกหญิงชายมาก แล้วสอนให้พวกเขารักพ่อรักแม่ ยำเกรงผู้เฒ่าผู้แก่
           คนทั้งหลายที่เกิดจากน้ำเต้า ผู้ที่ออกมาทางรูสิ่วนั้นให้เป็นไทย ผู้ที่ออกมาทางรูเหล็กให้เป็นข้า เมื่อคนมีจำนวนมากไม่มีท้าวพระยา ปูลางเชิงขุนเด็กขุนด่านสอนก็ไม่มีใครเชื่อคำ ขุนทั้งสามจึงขึ้นไปหาพระยาแถนขอท้าวพระยา พระยาแถนจึงให้ขุนครู และขุนครอง ลงมาเป็นท้าวพระยาของเขาเหล่านั้น
           เมื่อขุนทั้งสองลงมาสร้างบ้านสร้างเมืองได้ไม่มาก
           ขุนเด็กขุนด่านจึงขึ้นไปไหว้พระยาแถน ๆ จึงเอาขุนทั้งสองกลับไป
           พระยาแถนจึงให้ท้าวผู้มีบุญชื่อ ขุนบูลม มหาราชาธิราช (บรมมหาราชาธิราช) ขุนบูลม ๆ จึงผู้คนมาอยู่ที่นาน้อยอ้อยหนู
           ผู้ที่ออกมาจากน้ำเต้านั้น ผู้ที่รู้หลักนักปราชญ์ ก็มาเป็นบ่างไพร่ขุนบูลม ฯ ส่วนผู้ที่เหลือก็อยู่เป็นไพร่ทำไร่ทำนา
           ขุนบูลม ฯ ก็เจรจากับเจ้าขุนทั้งหลาย ที่มาพร้อมกับตนว่า ต่อจากนี้ไปเราจะทำอะไรแก่คนทั้งหลายให้รู้จักหากิน
           พระยาแถน จึงให้แถนแต่ง และพิศณุกรรม ลงมาบอกการงานแก่มนุษย์ แถนแต่งให้ทำไร่นา ปลูกข้าว ปลูกผัก ลูกไม้ลูกมัน รู้จักทอผ้า และรู้จักใช้เครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ
           แถนจึงสั่งสอนขุนบูลมว่า ไทยควางให้ออกหาขุนควาง ไทยวีให้ออกหาขุนวี  ไทยเลิงให้ออกหาขุนเลิง ไทยเลนให้ออกหาขุนเลน ไทยลอให้ออกหาขุนลอ แล้วสอนขนบธรรมเนียมต่าง ๆ ให้ประพฤติปฏิบัติ
           พระยาแถน จึงสั่งว่าต่อจากนี้ไปอย่าให้มนุษย์ขึ้นไปหาพระยาแถนอีก และพระยาแถนก็จะไม่ลงไปหามนุษย์อีก ตั้งแต่นั้นผีและคนก็ไปมาหากันไม่ได้อีก
           ท้าวบูลม มีลูกชายเจ็ดคนกับนางแอกแดง คนโตชื่อ ชุนลอ คนที่สองชื่อยี่ผาลาน คนที่สามชื่อสามจูสง มีลูกกับนางยมพาลาสามคน คนโตชื่อไสผง คนต่อมาชื่องัวอิน คนที่สามชื่อลกกลม ขุนบูลมเห็นว่าลูกเจริญวัยแล้ว มีความรู้ที่จะไปสร้างเมืองได้ให้กว้างขวางออกไป แล้วก็ให้เครื่องมือ อาวุธ และแก้วแหวน แก่ลูกของตนออกไปสร้างบ้านเมืองในที่ไกลออกไป ขุนลอให้ไปสร้างเมืองชวา ยี่ผาลานให้ไปสร้างเมืองหัวแต สามจูสงให้ไปสร้างเมืองแกวช่องบัว ไสผงให้ไปสร้างเมืองยวนโยนก งัวอินไปสร้างเมืองชาวใต้อโยทธยา ลูกกลมให้ไปสร้างเมืองเชียงคม ยอสามเจ็ดเจิงให้ไปสร้างเมืองพวน แล้วขุนบูลมก็สั่งสอนบุตรสำหรับให้ประพฤติปฏิบัติในภายภาคหน้า อย่าให้ทำร้ายเบียดเบียนกัน
           อยู่มาไม่นานขุนบอลมก็ถึงอนิจกรรม จากนั้นนางแอกแดงกับนางยมพาลาก็ตายตามไป บรรดาบุตรทั้งหลาย เมื่อทำการศพพ่อแม่เสร็จแล้ว ก็ได้ให้ปฏิญาณแก่กันว่า ต่อไปภายหน้าเราพี่น้อง ไปสร้างบ้านสร้างเมืองที่พ่อแม่แบ่งให้มานั้น ให้หมั่นส่งข่าวสารเป็นมิตรไมตรีต่อกัน อยาได้ขาดตามที่พ่อแม่สั่งเสียไว้
           ทั้งเจ็ดคนก็แยกย้ายกันไป ขุนลอพารี้พลล่อมาทางน้ำฮวดน้ำฮู มาถึงน้ำของ ขอนผาติงสบอูแล้วตั้งทัพจอดอยู่ ณ ที่นั้นก่อน เนชวาผู้เป็ใหญ่ในเมืองชวาแต่ก่อน ขุนชวาตายแล้วก็ไว้เมืองแก่ยีบาผู้ลูก ยีบาตายไว้เมืองแก่วิริยาผู้ลูก วิริยาตายไว้เมืองแก่อ้ายกันฮางผู้ลูก ขุนกันฮางมีลูกชื่อลูกลิง ๆ มีลูกชื่อระวัง ขุนระวังมีลูกชื่อยีผง เมื่ออ้ายกันฮางเป็นขุนอยู่เมืองชวา ลูกหลานเหลนก็ยังอยู่ สามคนพ่อลูกปู่หลาน ก็ยังเป็นขุนนางใหญ่อยู่กินเมืองชวานั้น เมื่อขุนลอล่องมาน้ำฮวดน้ำของ ก็ได้รบกับเมืองชวา เมืองชวาแพ้ ขุนลอจึงตั้งเมืองเป็นท้าวเป็นพระยาแก่ลาวทั้งหลาย ก่อนท้าวพระยาลาวทั้งปวง
           ขุนลอมีลูกชายชื่อว่าขุนชวา เมื่อขุนลอตายก็ไว้เมืองแก่ขุนชวา ขุนชวามีลูกชื่อชวาเลา ๆ มีลูกชื่อขุนสูง  ขุนชวาตายไว้เมืองแก่ขุนสูง มีลูกชื่อขุนเด็ก เมื่อขุนสูงตาย ก็ไว้เมืองแก่ขุนเด็ก ๆ มีลูกชื่อขุนคุมา ๆ มีลูกชื่อขุนคีม ๆ มีลูกชื่อขุนคัว เมื่อขุนคีมตายก็ไว้เมืองแก่ขุนคัว ๆ มีลูกชื่อขุนคาน เมื่อขุนคัวตายก็ไว้เมืองแก่ขุนคาน ๆ มีลูกชื่อขุนแพง ๆ มีลูกชื่อขุนเพ็ง ๆ มีลูกชื่อขุนพี ๆ มีลูกชื่อขุนคำ ๆ มีลูกชื่อขุนฮง จากขุนลอถึงขุนฮุงนับได้สิบห้าขุน ต่อจากนั้น ราชา เรียกว่าท้าว เมื่อขุนคำตายก็ไว้เมืองแก่ขุนฮุง เมื่อขุนฮุงกินเมืองนั้นไม่อยู่ในบุราณจารีต ขุนฮุงมีลูกชื่อท้าวแทนโม ขุนฮุงตายก็ไว้เมืองแก่ท้าวแทนโม ท้าวแทนมีลูกชายชื่อท้าวยุง ๆ มีลูกชายชื่อท้าวพิณ ๆ มีลูกชายชื่อท้าวผาด ๆ มีลูกชายท้าวหว่าง ท้าวผาดตายก็ไว้เมืองแก่ท้าวหว่าง
           แต่เดิมราชาเรียกว่าท้าว ต่อมาถึงท้าวหว่าง ต่อไปจากนี้ราชาเรียกว่าพระยา ท้าวหว่างมีลูกชายชื่อท้าวลัง เมื่อท้าวหว่างตายไว้เมืองแก่ท้าวลัง จึงขึ้นชื่อว่า พระยาลัง แต่นั้นมา พระยาลังมีลูกชายชื่อคำผง เมื่อพระยาลังกินเมืองนั้น ก็ไม่ได้ประพฤติชอบธรรมตามบุราณจารีต พวกชาวเมืองจึงปลดพระยาลัง แล้วเอาท้าวคำผงผู้เป็นลูกขึ้นแทน ให้ชื่อว่า พระยาคำผง เมื่อพระยาคำผงมีลูกชายจะให้ตั้งชื่อ จึงให้ไปถามพระยาลังผู้เป็นปู่ พระยาลังก็ไม่เอ่ยปาก จึงถามซ้ำ พระยาลังจึงกล่าวคำว่าผีฟ้า คนทั้งปวงก็เรียกกุมารว่าผีฟ้า เมื่อท้าวผีฟ้าเจริญวัย มีลูกชายหกคน ชื่อว่าฟ้างุ้ม ฟ้าเงี้ยว ฟ้ายาม คานคำ ฟ้าก่ำ และฟ้าเขียว
           ท้าวผีฟ้าเล่นชู้กับนางสนมของพ่อของตน พระยาคำผงจึงขับออกจากเมืองลาว จึงไม่ได้เป็นพระยาแทนพ่อ
           ฟ้างุ้ม ลูกผีฟ้า หลานพระยาคำผง เกิดเมื่อปี จ.ศ.๖๗๘ อายุได้ สามสิบเจ็ดปี จึงได้เป็นพระยาแทนปู่ เป็นพระยาได้สี่ปี ก็ละธรรมคำสอนพระมหาเถรเจ้า กระทำผิดทุจริต เสนา อำมาตย์พร้อมกันขับพระยาฟ้างุ้ม ออกจากลาวไปอยู่ดอมพระยาคำที่เมืองน่าน อายุได้ห้าสิบแปดปี ตายเมื่อปี จ.ศ.๗๓๖ ฟ้างุ้มมีลูกชายชื่ออุ่นเรือน เกิดเมื่อปี จ.ศ.๗๑๘ หนีจากเมืองลาวไปอยู่ดอย  ครั้นอายุได้สิบเจ็ดปี เขาจึงเอากุมารมาตั้งราชาภิเศกเป็นพระยาแทน คนทั้งหลายเรียกว่า สามแสนไทย เป็นพระยามาได้สิบสามปี มีความกรุณาไพร่ฟ้าข้าไทยทั้งหลาย เหตุเพราะท่านอยู่ตามบุราณจารีตคองเท้าพระยาแต่ก่อน อายุได้หกสิบปีตาย เมื่อปี จ.ศ.๗๑๘ พระยาสามแสนไทยมีลูกชายหกคนชื่อ หมื่นบาน ลานคำแดง ท้าวไส ท้าวคำเต็มได้แต่งานกับนางแก้วยอดฟ้าลูก พระยาอโยทธยาชาวใต้ ท้าวกองแก้วได้แต่งงานกับออกสาลูกพระยาเชียงใหม่ และท้าวฤาไชย มีลูกหญิงห้าคน ลานคำแดงได้เป็นพระยาแทนพ่อ พระยาลานคำแดง มีลูกชายห้าคน ชื่อท้าวพรหมทัต ท้าวยุคล เมื่อพระยาลานคำแดงตาย ท้าวพรหมได้เป็นพระยาแทนพ่อ เสวยเมืองได้สิบเดือน เขาก็ว่าไม่ดีเอาไปฆ่าเสีย แล้วเอาท้าวคำเต็มลูกพระยาสามแสนไทย เป็นพระยาชื่อ พระยาปาก เป็นพระยาได้ห้าเดือน เขาก็ถอดออก แล้วไปเอาท้าวไส ผู้ไปกินเมืองตะบองขอนมาเป็นพระยา ชื่อพระยาหมื่น เป็นพระยาได้หกเดือนเข้าจักฆ่าเสีย จึงชิงฆ่าตัวตายเสียก่อน
           ต่อจากนั้นได้ไปเอาท้าวไค หลานพระยาสามแสนไทย ผู้ไปกินเมืองเชียงไคมาเป็นพระยา เป็นพระยาได้สามปีก็ถูกเอาไปฆ่าที่สบคาน แล้วเอาท้าวกอนคำลูกพระยาสามแสนไทย ผู้ไปกินเมืองเชียงสามาเป็นพระยาชื่อพระยาเชียงสา ต่อมาจึงเอาลูกพระยาลานคำแดงมาเป็นพระยาแทนเสวยเมืองได้ แปดเดือนเขาจะฆ่าเสียแต่รู้ตัวก่อน จึงพาบ่าวไพร่หนีไปพึ่งชาวใต้ เขาตามมาพบข้าคนในโรงทองมันได้บอกเรื่องราวไป ตามที่พ่อสอนเขาก็ใส่ใจว่าพระยาสามแสนไทยมาเกิด จึงยกให้เป็นพระยาชื่อพระยาคำเกิด เป็นพระยาได้สามปีเป็นลมตาย
           เหตุที่สาวชาวล้านช้างมักฆ่าท้าวพระยาราชวงษาเสียนั้น เป็นด้วยมหาเทวีผู้หนึ่ง ลุกพระยาสามแสนไทยเป็นผู้ที่มีมารยาสาไถยจรรไรร้ายนัก ท้าวพระยาผู้ใดไม่ชอบใจนางผู้นั้น นางก็ให้บ่าวคนสนิท และเสนาอำมาตย์ให้ฆ่าเสียสิ้น
           ต่อมาเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย จึงพร้อมกันเอามหาเทวีผู้นั้นไปฆ่าเสียที่บ้านผาเดียว แล้วปรึกษากันว่าจะเอาใครมาเป็นพระยา มีผู้แนะนำให้ไปเอาท้าวลือไชยวัน ผู้ไปกินเมืองซ้ายมาเป็นพระยา เมื่อได้ราชาภิเศกแล้วได้ชื่อว่า พระยาไชยจักรพรรดิ์แผ่นแผ้ว เมื่อปี จ.ศ.๘๐๐ มีลูกชายสิบคน ท้าวก้อนแก้วได้เป็นพระยาแสนเมือง ได้ชื่อว่าพระเจ้าเชียงลอ ท้าวคำแท่งได้กินเมืองซ้าย จ.ศ.๘๔๒ บัวขวางชุน และเนิกอง เอากำลังข้าศึกมาโจมตีเมืองลาว เสียเมืองชวาด้วยเหตุที่แกวเข้ามาสู่บ้านเมือง
           พระเจ้าไชยจักพรรดิ์ทิ้งเมืองหนีไปเชียงคาน แล้วเวนแผ่นดินให้แก่เจ้าชายแทน ที่ชื่อว่า ท้าวแทนคำ เจ้าแทนคำรวบรวมรี้พลมารบแกวที่ปากเถาพูน เจ้าแทนคำไล่ไปถึงแดนเมือง บัวขวางชุนแพ้เข้าเขต แกวได้หกวันก็ถูกฟ้าผ่าตาย
           พระยาไชยจักรพรรดิ์ อายุหกสิบห้าปี ก็ถึงอนิจกรรมที่เชียงคาน เจ้าแทนคำได้เป็นพระยาแทนพ่อ ได้ชื่อว่า พระสุวรรณปาสัง ได้ขึ้นมาตั้งอยู่เชียงคงเชียงทองที่เก่าพ่อตน
           พระสุวรรณปาสัง เสวยราชย์ได้เจ็ดปีก็สิ้นชีวิต เมื่อปี จ.ศ.๘๔๗ ท้าวแสนไทย ลูกพระยาไชยจักรพรรดิ์ ได้เป็นพระยาแทนพี่ตน ได้ชื่อว่าพระยาล่าน้ำแสนไทยภูวนารถ
           พระยาล่าน้ำแสนไทย ฯ เสวยราชย์ได้สิบปี อายุได้หกสิบหกปี ก็ถึงแก่อนิจกรรม ท้าวชมภูผู้เป็นลูกได้เป็นพระยาแทนพ่อได้ห้าปีเขาก็ฆ่าเสีย ท้าวลุเพไชยกุมารลูกพระไชยจักรพรรดิ์ราช ได้เป็นพระยา เมื่อปี จ.ศ.๘๖๓ ได้ชื่อว่า พระยาวิชุณหราชาธิบดีศรีสัตนาคนหุต

           เมื่อเสวยราชย์แล้ว ก็เอาน้องชื่อท้าวเทพาไปกินเมืองขาวเรียกกันว่า เจ้าขาวเทพา พระยาวิชุณหราชา ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อปี จ.ศ.๘๘๒ เมื่อเสวยราชย์ได้สิบห้าปี มีลูกชายชื่อโพธิสาราชกุมาร
           เมื่อโพธิสาราชกุมาร อายุได้สิบห้าปีก็ได้เป็นพระยาแทนพ่อ เมื่อราชาภิเศกแล้วได้ชื่อว่า พระโพธิสาราธิบดี ฯ เมื่อเสวยราชย์ได้เจ็ดปี จึงปลงพระราชอาชญาไปในอาณาเขตเมืองล้านช้างทั้งมวญ บรรดามิฉาทิษฐิทั้งหลาย มีผีเย้า ผีเรือน ผีเสื้อ ก็ให้เลิกเสีย แล้วให้สร้างแปลงเป็นวัดวามหาพิหารอันใหญ่ ก็ใส่ชื่อว่าวัดศรีสวรรคเทวะโลก พระโพธิสาราชเจ้ามีลูกชายสามคนชื่อเจ้าเชษฐวังโส ท้าวท่าเรือ และเจ้าวรวังโส (คือ วงษ) และมีลูกหญิง สามคน เจ้าเชษฐวังโส ให้ไปเป็นพระยาในเมืองเชียงใหม่ แล้วราชาภิเศกได้ชื่อว่า พระไชยเชษฐาธิราชเจ้า เมื่อปี จ.ศ.๘๙๑ พระโพธิสาร อายุได้สี่สิบสองปี ก็ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อปี จ.ศ.๙๐๙ เจ้าวรวังโสได้ขึ้นเป็นพระยาแทนมีพระนาม พระเจ้าล้านช้าง เสนาบดีทั้งหลายฝ่ายเหนือ แต่เมืองเชียงคานมาถึงเมืองชวา ก็เอาท้าวท่าเรือตั้งไว้ให้เป็นพระยาแทนพระไชยเชษฐาธิราชเจ้า แล้วจึงให้ไปอาราธนา พระไชยเชษฐาธิราชเจ้า แต่เมืองลานนามาแล้วราชาภิเศกให้ชื่อว่า พระอุปภัยพุทธบวรไชยเชษฐาธิราช เหตุว่าได้เป็นเจ้าเป็นใหญ่ในเมืองทั้งสอง ในปี จ.ศ.๙๑๐ พระไชยเชษฐา ฯ อยู่เสวยเมืองในศรีสัตนาคนหุต ได้สามพรรษาแล้วก็กลับคืนไปเมืองลานนา อยู่เสวยราชย์ในเวียงเชียงแสนได้เก้าปี แล้วล่องมาเมืองล้านช้าง สร้างจันทบุรีให้เป็นราชธานีแล้ว จึงสถาปนาเวียงเชียงคงเชียงทองที่เมืองชวา ให้เป็นวิหารสถานที่ทรงพระพุทธศาสนาแล้วสามประการ ในปี จ.ศ.๙๒๖ เมื่อพระไชยเชษฐา ฯ ไปอยู่เมืองจันทบุรี ก็ได้สร้างมหาเจดีย์องค์หนึ่ง บรรจุกวมบุราณธาตุ อันพระยาศรีธรรมโศกราชให้สร้างแต่ก่อนนั้น (ธาตุพนม) เมื่อพระไชยเชษฐา ฯ ยังอยู่เสวยราชย์ด้วยอันประกอบชอบธรรม เป็นไมตรีมิตรติดต่อท้าวพระยาสามนต์ราชทั้งหลายทุกแห่ง และได้ราชธิดาพระยาเชียงใหม่มาเป็นนางอัครมเหษี ได้ลูกสาวท้าวเธียรธง ลูกสาวพระยาเขมรัฐสามคน ลูกสาวพระยาเชียงรุ้งสองคน ลูกสาวองจัวกองลาน ลูกสาวแกวจงแสนเมืองอนาม ลูกสาวเจ้าบัวศึก และได้ราชกัญญานีศรีอโยทธยาชาวใต้สองคนมาเป็นบริจาริก (พระมหาจักรพรรดิ์ส่งพระแก้วฟ้าไปแทน พระวิสุทธิกระษัตริย์แล้วหลังส่งพระวิสุทธิกระษัตริย์ไปอีก)
           เจ้าฟ้าหงษาวดียกรี้พลมาตีเมืองเชียงใหม่ เสนาบดีเมืองเชียงใหม่สองคน ชื่อพระยาสามล้าน และพระยาจ่าบ้าน พารี้พลคนทั้งหลาย หนีมาพึ่งเมืองล้านช้าง
           ครั้งนั้น ลูกเจ้าฟ้าหงษาชื่อ อิมเล และน้องชื่อ พระยาอังวะ ไล่ตามพระยาทั้งสองมาถึงเมืองล้านช้าง แม้ไม่ได้พระยาทั้งสองแต่ได้มหาอุปราชเจ้าพร้อมทั้งเมียอันเป็นน้องพระไชยเชษฐา ฯ และได้นางแท่นคำกับทั้งพระราชมารดา นางคำใครผู้เป็นน้องหญิงเอาหนีไปอยู่กับเจ้าฟ้าหงษาวดีที่เมืองหงษาวดี เมื่อปี จ.ศ.๙๒๖ ต่อมาเมื่อปี จ.ศ.๙๓๐ เจ้าฟ้าหงษาวดี เอารี้พล ม่าน เม็ง เงี้ยว ยวน ชาวใต้มามากนักมาถึงเมืองล้านช้าง จะรบเอาพระไชยเชษฐา ฯ จะเอาเมืองล้านช้างไว้ในอาณาเขต แต่ไม่อาจตีหักเอาเวียงปากงึมได้ จึงยกทัพกลับไป
           พระไชยเชษฐา ฯ จึงสร้างบ้านแปลงเมืองให้รุ่งเรืองดีได้ดังเก่า เมื่อเสวยราชย์ได้ยี่สิบสี่พรรษา อายุได้สามสิบเก้าปี ก็ไปทำสงครามในเมืองรามรักองการ แล้วหายไปในเมืองนั้น เมื่อปี จ.ศ.๙๓๓ ราชกุมารผู้เป็นลูกพระไชยเชษฐา ฯ เกิดเมื่อปี เดือนที่พ่อของตนตาย จึงให้ชื่อว่าพระหน่อ แก้วกุมาร มีพระยาสองคนชิงกันเอาราชกุมารไปเลี้ยง หวังจะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน
           อยู่ต่อมาพระยาทั้งสองได้รบกัน พระยาแสนสุรินทรฆ่าพระยาจันทตาย พระยาแสนสุรินทรจึงได้รับอภิเศก ให้เป็นเจ้าแผ่นดินแทนราชกุมาร ได้พระนามว่า พระสุมังคละโพธิสัตว์ไอยการาชา คนทั้งหลายเรียกว่าพระเจ้าปู่หลาน ได้แทนราชสมบัติเป็นเจ้าแห่งคนในเมืองล้านช้างได้สี่ปี ถึงปี จ.ศ.๙๓๗ เจ้าฟ้าหงษาวดี เอารี้พลม่านเม็งเงี้ยวยวน ชาวใต้ และเขมรมารบเมืองล้านช้างได้พระเจ้าปู่หลานไปอยู่เมืองหงษาวดี แล้วตั้งพระมหาอุปราช เจ้าผู้ไปอยู่เมืองหงษาวดีแต่ก่อน ให้เป็นเจ้าแผ่นดินในเมืองล้านช้าง
           จ.ศ.๙๔๑ มีคนผู้หนึ่งฉลาดด้วยสาตรศิลป์ มีผู้ไปเข้าเป็นพวกอยู่ด้วยมาก แล้วไปตั้งรั้วยกเวียงโรงศาล อยู่ในทุ่งแอกกระบือ แล้วไปครอบงำชาวเมืองหมัน คำทองของได้ทั้งมวล ก็ยกรี้พลไปรบพุ่งกับฝ่ายพระเจ้าเวียงจัน พระมหาอุปราชจึงให้พระยาเชียงใต้ พระยาเชียงเหนือ พระยานครแสน และขุนท้ายพระยาหมื่นแสนทั้งหลาย ขับรี้พลไปรบ ชาวแอกกระบือก็เอารี้พลมารบ ท้าวพระยาฝ่ายเหนือ เสียเมืองเวียงจันในปีนั้น พระมหาอุปราชเมืองล้านช้างก็พ่ายหนีจากเวียงจัน ขึ้นมาทางเรือ หวังจะไปพึ่งเจ้าฟ้าหงษาวดีดังเก่า เรือล่มเลยตายทั้งหมด
           จ.ศ.๙๔๒ พระมหาอุปราชาเมืองหงษาวดี ตั้งพระยาแสนสุรินทร ฯ เป็นเจ้าล้านช้างดังเก่า
           จ.ศ.๙๔๔ เจ้าล้านช้างตาย จึงเอาพระยาน้อยอันเป็นลูก พระยาแสนเมืองเป็นเจ้าล้านช้าง แต่ท้าวพระยาทั้งหลายไม่ชอบใจ เจ้าฟ้าหงษาจึงเอาพระยาน้อยกับท้าวพระยาทั้งหลายไปอยู่เมืองหงษา ได้เดือนหนึ่งจึงกลับมา
           จ.ศ.๙๔๕ และต่อมาอีกแปดปี เมืองล้านช้างไม่มีเจ้าแผ่นดิน
           จ.ศ.๙๕๖ พระสงฆ์เจ้าทั้งปวงในเมืองล้านช้าง พร้อมกันขึ้นไปเมืองหงษา ขอเอาพระหน่อเมืองผู้เป็นลูกพระไชยเชษฐา ฯ มาเป็นเจ้าล้านช้าง
           จ.ศ.๙๖๔ พระหน่อเมือง ได้เป็นเจ้าล้านช้าง เสวยราชย์ได้หกปีถึงแก่กรรม จึงเอาพระวงษาลูกน้าพระหน่อมาเป็นเจ้าล้านช้าง เสวยเมืองได้สี่ปีอุปยุว์จึงเกิด พ่อจึงได้ชื่อว่าพระธรรมมิกราช ลูกชื่อพระอุปยุวราช
           จ.ศ.๙๘๓ พระธรรมิกราช และพระอุปยุวราชพ่อลูกเกิดผิดใจกัน พระอุปยุวราชได้เวียงจันเป็นเจ้าล้านช้าง พระธรรมิกราชตาย จ.ศ.๙๘๕ พระอุปยุวราชตาย จึงราชาภิเศกพระยามหานามผู้เป็นพระยานครขึ้นเป็น เจ้าล้านช้างขึ้น พระนามว่าบัณฑิตยโพธิลาราช จ.ศ.๙๘๙ พระโพธิลาราช ถึงอนิจกรรม จึงเอาพระหม่อนแก้ว ลูกพระธรรมิกราช น้องชายพระอุปยุวราชขึ้นเสวยเมือง เมื่อตายแล้ว จึงเอาพระอุปยุวราชลูกเจ้าหม่อมแก้ว ขึ้นเป็นเจ้าล้านช้าง พระอุปเยาราชมีลูกสองคน เมื่อพระอุปเยาวราชตาย ลูกทั้งสองได้ครองราชย์ในเวียงจันเมื่อถึงแก่กรรม เจ้าสุริยกุมารได้เสวยเมืองล้านช้างชื่อว่า พระสุริยวงษาธรรมิกราชา ฯ เจ้าล้านช้างร่มขาว มีอาณาเขตกรุงลาว ทางใต้แต่ลิผี ทางเหนือถึงผาได ทางซ้ายถึงอโยทธยา ทางขวาถึงแกว
           แต่ขุนฮุงหลานขุนบูลม (บรมราชา) ถึงเจ้าฟ้างุ้ม ถึงเจ้าสุริยธรรมิกราช กินบ้านกินเมืองไว้กับหัวจุม หัวคลังขุนกว้าน แต่พระไชยแผ่นจุม คนทั้งหลายในเมืองหลวงแล้วจึงไปสร้างเวียงจัน
           จ.ศ.๑๐๗๘ พระยาสุริยวงษาธรรมิกราช เสวยราชได้ห้าสิบหกปี ถึงอนิจกรรม
           มหาเสนาใหญ่ชื่อพระยาจัน ขึ้นเป็นเจ้าแผ่นดินในเวียงจัน ต่อมาพระยานครผู้หนึ่งชื่อนันทราช (น่าน) ยกทัพมาชิงราชสมบัติ
           ต่อมาพระไชยองค์แว ลูกเจ้าชมภูอันอยู่เมืองแวมาชิงราชสมบัติในเวียงจัน แล้วให้ท้าวนองลูกแสนทิพนาบัวมานั่งเมืองหลวง เจ้ากิ่งกิจ และหม่อมน้อยจึงเอารี้พลขอบแขวงเมืองหลวงให้หกหมื่น ลงมารบท้าวนองในเมืองหลวง ท้าวนองจึงกวาดเอาครอบครัว และไพร่ทั้งหลาย พร้อมทั้งพระแก้ว พระบาง พระแซกคำ ลงไปไว้ในเวียงจัน
           เจ้ากิ่งกิจขึ้นนั่งเมืองเป็นเจ้าแผ่นดิน ทรงพระนามว่า พระธรรมกิจล้านช้างร่มขาว ฯ
           ฝ่ายพระไชยองค์แวก็เสวยราชย์ในเวียงจัน
           แต่นั้นมาจึงมาปันเขตแดนแก่กัน ตั้งแต่เมืองเชียงคานไปใต้ถึงลิผี และพวกช้างทั้งหก บ่อคำทั้งเก้าไว้แก่เวียงจัน ตั้งแต่เมืองเชียงคานขึ้นไปถึงผาได และสิบสองนาด่านจุไทย และหัวพันทั้งหก อันเป็นพวกแพรขาว แพรแดง ทั้งมวลไว้แก่เมืองหลวงแดน แต่นั้นมาแผ่นดินลาวเกิดเป็นสองส่วน ปันเป็นสองท่อน
           ตั้งแต่ พระยากิ่งกิจราชเสวยราชย์ในเมืองหลวงพระบางเจ้าอินทโฉม และเจ้าองค์เอกพี่น้อง ได้เกลี้ยกล่อมเอาหมู่ ขุนห้อ ขุนแห่ ขุนมา ขุนเหมือไทย เชื้อไทย มาเป็นพลโยธาของตน ก็คุมกองทัพลงมารบพระยากิ่งกิจราช  พี่ของตนแต่แพ้ จึงถอยมาที่น้ำอูถึงกิ่วยาง แล้วเดินทางไปถึงเมืองพาน เจ้าอินทโฉมเอาลูกเมียมาตั้งอยู่เมืองล้าเมืองพง
           เมื่อพระยากิ่งกิจราชถึงแก่อนิจกรรม เสนาทั้งหลายจึงเอาเจ้าองค์ดำลูกเจ้าอินทกุมารขึ้นเสวยราชย์
           เจ้าองค์ดำเป็นองค์นกก่อน นำพรรคพวกไปถึงเมือง แล้วบวชเป็นสงฆ์อยู่วัดช้างเผือกในเชียงใหม่ ชาวเชียงใหม่จึงนิมนต์ให้สึก มานั่งหอคำเจ็ดวันเสพตามบุพพาจารี แล้วออกไปรบม่าน ๆ ก็แตก
           เจ้าเชียงใหม่ถึงแก่อนิจกรรมมีลูกชายสองคน มีม่านมาล้อมเมืองเชียงใหม่แสนเจ็ดหมื่น
           มีอำมาตย์ผู้หนึ่งเป็นมิตรกับพระยาจ่าบ้าน รู้ว่าอาชญาลาวมาอยู่ที่นี้ควรเลี้ยงดู ก็ได้องค์นก
           เจ้าก็เสวยราชย์ในเมืองลานนา
           เจ้าจันทราชานั่งเชียงใหม่แทนพ่อองค์นก
           เจ้าอินทโฉม เสวยราชย์ในล้านช้าง เมื่อถึงอนิจกรรมแล้ว เจ้าโชติกะกุมารผู้ลูกเสวยเมืองแทนเจ้าโชติกะกุมารอนิจกรรมแล้ว เจ้าองค์ยึงเสวยราชย์ จ.ศ.๑๑๕๓ ก็อนิจกรรม
           ตั้งแต่ขุนลอลูกขุนบรมราชา ยกจากนาน้อยอ้อหนูลงมายังเมืองลาว ลูกขุนลอชื่อขุนชวา ลำดับมาจนถึงขุนฮุง เปลี่ยนนามขุนเป็นท้าว มีท้าวแทนถึงท้าวหว่างได้หก ตั้งแต่เปลี่ยนท้าวเป็นพระยา ตั้งแต่พระยาลังลูกท้าวหว่าง สืบมาลูกพระยาวังชื่อ พระยาคำผง ติดต่อสืบราชวงษายังในเชียงทองเชียงคงได้สามสิบเจ็ดปี มาถึงพระไชยลูรชื่อว่าเชษฐาวังโสทรงนามกรว่า พระไชยเชษฐาธิราช จึงลงไปตั้งเวียงจันเป็นมหานครราชธานี ติดต่อมาได้สิบราชวงษา

บน