ประชุมพงศาวดาร | |
หน้า ๘ | หน้าต่อไป ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ หอมรดกไทย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ |
ค พระเจ้าแผ่นดินซึ่งเป็นชาติรามัญได้เป็นใหญ่ในรามัญประเทศเพียงเท่านี้
เมื่อพระยาพะธิโรราชานั้นล่วงไปแล้ว กษัตริย์พม่าองค์หนึ่ง รามัญเรียกว่า
ฝรั่งมังส่วย ไทยเรียกว่า ฝรั่งมังโสดถิ์
ยกทัพมาตีเมืองหงษาวดีได้แล้วให้ราชบุตรชื่อฝรั่งมังตรีผู้เป็นพระยาอุปราช
อยู่ครองสมบัติในเมืองอังวะ
จึงลงมาเป็นใหญ่อยู่ในเมืองหงษาวดี ได้สละพระมหามงกุฏทรงประดับเพชรมีราคามากถวายพระเกศธาตุร่างกุ้ง
และได้ถวายพระอัครมเหสีเป็นทาสีพระเกศธาตุ แล้วไถ่พระอัครมเหสีด้วยทองคำสิบชั่ง
เพื่อสละเป็นเครื่องสักการบูชาพระเกศธาตุ
ค จ.ศ.๙๐๕
พระเจ้าฝรั่งมังโสดถิ์ผู้เป็นใหญ่ในเมืองหงษาวดี มีรับสั่งถึงพระเจ้าฝรั่งมังตรีผู้เป็นพระยาอุปราชอยู่
ณ เมืองอังวะ ให้เกณฑ์พลพม่าทั้งปวงลงมาสมทบกองทัพรามัญ ณ เมืองหงษาวดี แล้วพระเจ้าฝรั่งมังโสดถิ์
จึงยกพลพม่ารามัญ เข้าไปตีกรุงศรีอยุทธยา
ไปโดยทางด่านพระเจดีย์สามองค์
ตีล่วงหัวเมืองสุพรรณบุรีเข้าไปถึงชานกรุงศรีอยุทธยา
พวกพลล้มตายเป็นอันมากทั้งสองฝ่าย ก็ยังไม่ได้กรุงศรีอยุธยา กองทัพพม่ามอญขาดเสบียงลง
จึงให้ล่าทัพกลับเมืองหงษาวดีโดยทางด่านบ้านรแหงทิศเหนือกรุงศรีอยุทธยา
ค จ.ศ.๙๑๐
พระเจ้าฝรั่งมังโสดถิ์ ให้เกณฑ์กองทัพเมืองหงษาวดี เมืองอังวะ เมืองเชียงใหม่
พร้อมกันแล้วจึงให้อินแซะราชบุตรชื่อ ว่าฝรั่งมังตรีที่พระมหาอุปราชเป็นแม่กองทัพน่า
พระองค์เป็นทัพหลวง ยกไปกรุงศรีอยุทธยาโดยทางบ้านรแหง
ตีล่วงหัวเมืองฝ่ายเหนือลงไปจนถึงกรุงศรีอยุทธยา แล้วตั้งทัพอยู่ ณ ตำบลทุ่งภูเขาทอง
ตั้งแผ่ออกรายล้อมรอบกำแพงกรุงศรีอยุทธยา
ค พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา
เห็นจะต่อสู้มิได้ จึงเสด็จออกมาเจรจากับพระเจ้าหงษาวดี ทั้งสองกลับเป็นไมตรีกันให้สัญญากันว่าจะไม่ทำร้ายแก่กันสืบไป
พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยาก็จัดเงินทองของดีมีค่าต่าง ๆ และช้างเผือก กับม้าดี
ถวายมามาก แล้วพระเจ้าหงษาวดี จึงเลิกทัพกลับโดยทางด่านบ้านระแหง
ค จ.ศ.๙๑๒
พระเจ้าฝรั่งมัดโสดถิ์ สินพระชนม์ ครั้งนั้นมีราชวงศ์กษัตริย์รามัญองค์หนึ่งคิดกับท้าวพระยารามัญทั้งปวง
พร้อมใจกันจับขุนนางพม่าในเมืองหงษาวดี และในหัวเมืองรามัญทั้งปวงฆ่าเสียโดยมาก
แล้วตั้งพระราชวงศ์กษัตริย์นั้นทรงพระนามพระเจ้าธอชุกคะลี
ครองราชย์ในเมืองหงษาวดีต่อมา พระองค์ทรงมีพระราชศรัทธาจึงเอาแก้ววิเศษต่าง
ๆ ไปประดับฉัตรยอดพระเจดีย์ย่างกุ้ง
ค พระเจ้าฝรั่งมังตรีผู้เป็นพระมหาอุปราชทราบเหตุการณ์ในเมืองหงษาวดีแล้ว
จึงจัดกองทัพมาติดเมืองหงษาวดี จ.ศ.๙๑๓ พระองค์ก็ตีเมืองหงษาวดีได้
ค พระเจ้าธอชุกคะลี
หนีออกไปอยู่ป่าซ่อนตัวอยู่ในซอกเขาแห่งหนึ่ง จ.ศ.๙๑๔ พระเจ้าฝรั่งมังตรี
ก็ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินในเมืองหงษาวดี ให้ราชบุตรเขยไปครองอยู่ ณ เมืองอังวะ
ค จ.ศ.๙๑๗
พระเจ้าฝรั่งมังตรีให้เกณฑ์กองทัพพม่ากองทัพมอญ ให้อินแซะนันทกู ผู้เป็นราชบุตร
ซึ่งเป็นพระมหาอุปราช เป็นแม่ทัพหน้ายกเข้าไปตีกรุงศรีอยุทธยาทางด่านแม่ละเมาะ
บ้านรแหง
แล้วเลยมาทางเมืองพิศณุโลก
ครั้งนั้นเจ้าเมืองพิศณุโลก
เป็นราชบุตรเขยพระเจ้าช้างเผือก ณ กรุงศรีอยุธยา เกรงอานุภาพพระเจ้าหงษาวดี
จึงยกกองทัพฝ่ายเหนือทั้งปวง
มาบรรจบกองทัพพระเจ้าหงษาวดี แล้วตามไปตีกรุงศรีอยุทธยาด้วย พระเจ้าหงษาวดีตั้งทัพหลวง
ณ ทุ่งภูเขาทองฝั่งตะวันตกแห่งพระนคร
จ.ศ.๙๑๘ พระเจ้าหงษาวดีก็ได้กรุงศรีอยุธยา พระเจ้าช้างเผือกสวรรคตเสียก่อน
เมื่อยังล้อมกรุงศรีอยุทธยาอยู่ พระเจ้าหงษาวดีจึงอภิเษกเจ้าเมืองพิศณุโลก
เป็นเจ้าพระนครศรีอยุทธยา ให้ถือน้ำพระพิพัฒสัตยาเป็นเมืองขึ้นแก่กรุงหงษาวดี
ถึงปีให้ส่งเครื่องราชบรรณาการไปถวายตามธรรมเนียม แล้วยกทัพกลับทางด่านบ้านรแหง
ค จ.ศ.๙๑๙
พระเจ้าธอชุกคะลี กับพระมเหสีที่ซ่อนอยู่ในป่าถึงแก่พิราลัยในป่า พะตอย
ค พระเจ้าฝรั่งมังตรีมีอานุภาพมาก
ชนะพระเจ้าแผ่นดินทั้งปวงในประเทศต่าง ๆ ได้เป็นใหญ่ในประเทศทั้งสี่
คือ รามัญประเทศ ภุกามประเทศ สยามประเทศ มลาวประเทศ
รามัญเรียก พระเจ้าฝรั่งมังตรีว่า ตะละพะเนียเธอเจาะ แปลว่า พระเจ้าชนะสิบทิศ
จ.ศ.๙๑๔ เมื่อพระเจ้าชนะสิบทิศแรกได้ราชสมบัตินั้นเจ้าลังกาชื่อพระยา วิมะละธรรมสุริย
เป็นใหญ่อยู่เมืองศิริวัฒนะในเกาะลังกา ปรารถนาจะได้พระสงฆ์ที่ศีลบริสุทธิ์
ไปบวชกุลบุตรสืบสมณวงศ์ในลังกา จึงแต่งพระราชสาส์น และเครื่องราชบรรณาการมา
ณ เมืองยะไข่
ซึ่งอยู่ในอำนาจ พระเจ้าชนะสิบทิศ ๆ จึงมีรับสั่งให้เจ้าเมืองยะไข่ จัดพระสงฆ์ และพระไตรปิฎก กับเครื่องราชบรรณาการตอบแทนส่งออกไป
พระเจ้าลังกาปรารถนาจะเป็นพระราชไมตรีกันต่อไป ต่อมาจึงส่งราชธิดาองค์หนึ่งกับเครื่องมงคลราชบรรณาการมาถวาย
พระเจ้าหงษาวดียินดีนักตั้งพระราชมารดาอินแซะนันกู เป็นพระอัครมเหสีใหญ่ ตั้งราชธิดาพระเจ้าช้างเผือกกรุงศรีอยุธยาเป็น
พระมเหสีฝ่ายซ้าย ตั้งนางกษัตริย์ลังกาเป็น
พระมเหสีขวา พระเจ้าฝรั่งมังตรีครองราชย์ได้ยี่สิบเก้าปี จนถึง ปี จ.ศ.๙๒๖
ก็สวรรคต อินแซะนันกู หรือที่มอญเรียกว่า นานกะยะผู้เป็นพระมหาอุปราชได้ครองราชย์สืบมา
ค จ.ศ.๙๒๗
พระราชบุตรพระเจ้ากรุงศรีอยุธยา เมื่อทราบว่าพระเจ้าชนะสิบทิศสิ้นพระชนม์แล้ว
ก็ยกกองทัพขึ้นมา ณ เมืองหงษาวดี ทางด่านแม่ละเมาะ ว่าจะมาช่วยทำราชการสงครามตีเมืองอังวะ
ครั้นถึงปลายแดนเมืองหงษาวดี พระราชบุตรกลับคิดขบถ กวาดครัวหัวเมืองปลายแดนได้แล้ว
ก็กลับคืนไปกรุงศรีอยุธยา พระเจ้านันกูตรัสสั่งให้ราชบุตรผู้ใหญ่ชื่อมังษาเกียด
อันเป็นที่มหาอุปราช ยกกองทัพตามไปจับพระราชบุตรกรุงไทยให้ได้ พวกราชบุตรกรุงไทยยกข้ามแม่น้ำจิตดองไปแล้ว
พระมหาอุปราชเห็นจะตามไม่ทัน จึงยกกองทัพกลับ
ค จ.ศ.๙๒๙
พระเจ้าหงษาวดีตรัสสั่งให้พระเจ้าเชียงใหม่
ยกทัพไปตีกรุงศรีอยุทธยาโดยทางเมืองกำแพงเพ็ชร
ให้เจ้าเมืองพะสิมยกไปทางเมืองกาญจนบุรี
ให้ถึงพร้อมกันแล้วช่วยกันระดมตีกรุงศรีอยุทธยา พระราชบุตรทั้งสองของพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา
ก็รับอาสาพระราชบิดามาทำสงคราม ตีกองทัพเมืองหงษาวดีทางเหนือทางใต้แตกกลับมาสิ้น
ค จ.ศ.๙๓๐
เกิดแผ่นดินไหว พระเจดีย์เมืองร่างกุ้งทะลายลงมาเพียงชั้นกลาง พระเจ้าหงษาวดีสั่งให้กะเกณฑ์กันทำให้ปกติดังเก่า
ค จ.ศ.๙๓๑
พระเจ้าหงษาวดี ยกทัพไปตีกรุงศรีอยุธยาโดยทางด่านเชียงทอง
ยกไปตั้งถึงชานเมืองแล้ว ตั้งค่ายประชิดกรุงอยู่หกเดือน ครั้นถึงฤดูฝนก็ยกทัพกลับ
ค จ.ศ.๙๓๒
พระเจ้าหงษาวดียกทัพไปตีกรุงศรีอยุทธยาอีก ครั้นไม่ได้แล้วก็กลับมา ตั้งแต่นั้นมา ก็ขยาดฝีมือพระราชบุตรกรุงไทยทั้งสองพี่น้องนัก
และมิได้ยกไปทำสงครามสืบไป จ.ศ.๙๔๐ เมื่อทราบข่าวว่า พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยาสวรรคต
จึงตรัสสั่งให้ มหาอุปราชยกกองทัพไปตีกรุงศรีอยุทธยา พระเจ้าเชียงใหม่เป็นทัพหน้า พระมหาอุปราชเป็นทัพหลวง ยกเข้าไปทางด่านกาญจนบุรี
ค พระเจ้ากรุงไทยทั้งสองพี่น้องยกทัพออกไป
พบทัพพระมหาอุปราชา ณ แขวงเมืองสุพรรณบุรี
รามัญกับไทยได้รบกันเป็นสามารถ
พระเจ้ากรุงไทยผู้เป็นพระเชษฐาไสช้างไปชนกับช้างพระมหาอุปราช ช้างมหาอุปราชเสียทีเบือนไป
พระเจ้ากรุงไทยฟันด้วยพระแสงของ้าว พระมหาอุปราชถึงแก่กรรมในที่นั้น
ค พวกพม่ารามัญทั้งปวงก็แตกกลับเมืองหงษาวดี
แต่นั้นมาก็ให้ระอาฝีมือไทย มิได้คิดที่จะมาตีกรุงศรีอยุทธยาสืบไป
ค จ.ศ.๙๔๒
พระเจ้าเชียงใหม่ได้ยินข่าวว่าพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา
จกยกทัพออกไปตีเมืองหงษาวดี ก็เกรงกลัวนักจึงแต่งเครื่องราชบรรณาการลงไปถวาย
ขอเป็นเมืองขึ้นแก่กรุงศรีอยุทธยา ในปีนั้น พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยาให้เสนาบดีออกไปตีเมืองทวาย
เมืองมะริด เมืองตะนาวใต้ เมืองทั้งสามก็เป็นเขตแดนของกรุงศรีอยุทธยาแต่นั้นมา
ครั้งนั้นสงครามมอญกับไทยงดกันไปถึงเจ็ดปี รามพี่น้องัญทั้งปวงกลัวอานุภาพพระเจ้ากรุงศรีอยุทธาทั้งสองพระองค์นั้น
รามัญเรียกชื่อว่าตะละบากาวเตะ แปลว่าเจ้าสองพี่น้อง
ค พระเจ้านั้นกู
ตรัสสั่งให้พระยาทะละเป็นแม่กองเอาทองคำห้าชั่ง เงินหนักห้าชั่งไปแผ่ปิดพระเจดีย์ร่างกุ้ง
แล้วให้รัดด้วยลวดเงินทรงบำเพ็ญกุศลเป็นอันมาก อยู่ต่อมาหัวเมืองรามัญทั้งปวง
เห็นพระเจ้านันกู หย่อนกำลังลงมากแล้ว ก็พากันกระด้างกระเดื่อง
ค จ.ศ.๙๕๐
พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา ทรงทราบข่าวว่าหัวเมืองมอญไม่เป็นปกติ จึงตรัสให้พระยาจักรี
เป็นแม่กองทัพหน้า พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยาทั้งสองพระองค์เป็นทัพหลวง ยกออกไปทางด่านพระเจดีย์สามองค์
ตีออกมาได้จนถึงเมืองเมาะตมะ
ขณะนั้นพระเจ้าหงษาวดี ประชวรอยู่จึงมีรับสั่งให้พระเจ้าตองอูลงมาช่วยป้องกันเมืองหงษาวดี
เจ้าเมืองตองอู เห็นว่าจะรับกองทัพไทยในเมืองหงษาวดีนั้นไม่หยุด จึงเชิญพระเจ้าหงษาวดี
และกวาดครัวชาวเมืองออกจากเมือง เผาเมืองหงษาวดีเสีย พาพระเจ้านันกูไปรักษาไว้
ณ เมืองตองอู
ค พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา
เมื่อมาถึงเมืองเมาะตมะแล้วก็ยกขึ้นไปเมืองหงษาวดี ณ เดือนสาม ครั้นเห็นเมืองร้างอยู่
จึงรู้ว่าเจ้าเมืองตองอูพาพระเจ้าหงษาวดีไป
ค จ.ศ.๙๕๓
เดือนอ้ายขึ้นสิบเอ็ดค่ำ พระองค์ทั้งสองยกตามไปล้อมเมืองตองอู
ขณะนั้นกองทัพไทยขาดเสบียงอาหาร เห็นจะทำการไปไม่ตลอด ก็ให้ล่าทัพกลับจากเมืองตองอู
แล้วให้กวาดครัวรามัญเข้าไปกรุงศรีอยุทธยาครั้งนี้มากนัก พระเจ้านันกูครองราชย์ในเมืองหงษาวดีสิบปี
จ.ศ.๙๕๔ สินพระชนม์ในเมืองตองอู ครั้งนั้น หัวเมืองมอญทั้งปวงไม่ไปขึ้นแก่เมืองตองอู
เข้าไปขึ้นแก่กรุงศรีอยุทธยาโดยมาก จ.ศ.๙๕๔ พระยาตองอูจึงแต่งเครื่องราชบรรณาการเข้าไปถวายพระเจ้ากรุงไทย
ขอเป็นเมืองขึ้นสืบไป ครั้งนั้นรามัญประเทศทั้งปวงไปขึ้นแก่กรุงศรีอยุทธยาทั้งสิ้น
ค พระเจ้าอังวะ
มิได้ลงมาเบียดเบียนหัวเมืองรามัญทั้งปวง ด้วยเกรงอานุภาพพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา
ประเทศรามัญมาขึ้นอยู่กับกรุงศรีอยุทธยาประมาณ เจ็ดปี แต่ภายหลังกรุงศรีอยุทธยาเปลี่ยนแผ่นดินใหม่
พระเจ้าแผ่นดินในภายหลังนั้นเพิกเฉยเสีย มิได้ทรงกังวลรามัญประเทศ หัวเมืองมอญทั้งปวงก็ตั้งแข็งเมืองเป็นแพนก
ๆ อยู่ตามลำพัง ไม่มีเมืองใดเป็นใหญ่กว่ากัน
ค จ.ศ.๙๖๒
มีฝรั่งนายกำปั่นคนหนึ่งชื่อกัปตันหันเชรามีทรัพย์มาก
ก่อตึกค้าขายอยู่ ณ เมืองเสรี่ยง เป็นผู้มีปัญญามาก
รู้จักเอาใจขุนนาง และราษฎรทั้งปวง ขณะนั้นเจ้าเมืองเสรี่ยงร้ายกาจนัก เบียดเบียนขุนนาง
และราษฎร กัปตันหันเชรา จึงคิดกับชาวเมืองทั้งปวงพร้อมใจกัน เนรเทศเจ้าเมืองเสรี่ยงเสีย
แล้วตั้งกัปตันหันเชราขึ้นเป็นใหญ่ในเมืองเสรี่ยง พระยาฝรั่งไม่ได้นับถือ
พระพุทธศาสนา เป็นแต่ผู้ช่วยดูแลรักษาพระเจดีย์ใหญ่ และอารามทั้งปวงตามธรรมเนียมเจ้าแผ่นดินแต่ก่อน
ครั้งนั้นมีพระมหาเถรสององค์ และเจ้าอธิการองค์พุทธ เจ้าอธิการเตอะละเจ ได้ชักชวนชาวบ้านชาวเมืองทั้งปวง
บำรุงพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาในประเทศนั้นจึงยังบริบูรณ์อยู่ ครั้งเมื่อเมืองมอญต่างเมืองต่างอยู่
เมืองทวาย
ก็ตั้งแข็งเมืองบ้าง พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยามิได้ยกมาปราบปรามให้อยู่ในอำนาจเมืองดังก่อน
คงมีแต่เมืองมฤต
กับเมืองตนาว
สองเมืองยังขึ้นอยู่กับกรุงศรีอยุทธยา เมื่อพระยากับตันหันเชราเป็นเจ้าเมืองเสรี่ยงได้สิบสองปี
ค จ.ศ.๙๖๕
พระเจ้าอังวะองค์หนึ่ง รามัญเรียกว่า ตะละนันธอกระเดิงมณิก คำไทยว่า พระเจ้าปราสาททองกลดแก้ว
เป็นราชนัดดาพระเจ้าฝรั่งมังตรี ได้ยกกองทัพมาปราบเมืองได้มอญทั้งปวงตลอดลงมาจนเมืองทวาย
แล้วยกไปตีเมืองมฤต เมืองตะนาว ทั้งสองเมืองไม่เห็นกองทัพกรุงศรีอยุทธยาออกมาช่วย
ก็ยอมขึ้นแก่พระเจ้าอังวะ แล้วพระเจ้าอังวะได้ตรัสสั่งขุนนางพม่า ขุนนางรามัญให้เกณฑ์กันสร้างเมืองหงษาวดีให้คงดังเก่า
แล้วพระเจ้าอังวะก็ยกทัพกลับไปเมืองอังวะ ขณะเมื่อพระเจ้าอังวะยกกองทัพมาตีเมืองเสรี่ยงนั้น
พระยากับตันหันเชราเห็นว่าจะสู้พม่าไม่ได้ ก็พาพวกพ้องลงกำปั่นหนีไป ณ เมืองฝรั่ง
ค พระเจ้าเชียงใหม่ได้ทราบข่าว
พระเจ้าปราสาทกลดแก้ว ลงมาปราบปรามเมืองมอญจึงปรึกษาด้วยแสนท้าวพระยาลาวทั้งปวงว่า
ถ้าแม้นยังคงไปขึ้นแก่กรุงศรีอยุทธยา แม้นพระเจ้าอังวะยกมาตี พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยาจะไม่ยกมาช่วย
จำเราจะแต่งนำเครื่องราชบรรณาการขึ้นไปถวายพระเจ้าอังวะขอเป็นเมืองขึ้น แสนท้าวพระยาลาวทั้งปวงก็เห็นชอบด้วย
ครั้น จ.ศ.๙๖๖ พระเจ้าเชียงใหม่จัดเครื่องราชบรรณาการมอบให้ราชทูตคุมขึ้นไปเฝ้าพระเจ้าอังวะ
ๆ มีพระทัยยินดีนัก แต่นั้นมาเมืองเชียงใหม่
เมืองลำพูน เมืองนครลำปาง ก็ไปขึ้นแก่เมืองอังวะ
ค จ.ศ.๙๗๓
ปลายปี พระเจ้าปราสาททองกลดแก้ว จัดให้พระราชวงศ์องค์หนึ่งอยู่รักษาเมืองอังวะ
แล้วจึงพาพวกพ้องยกลงมาตั้งอยู่ ณ เมืองหงษาวดี ตั้งราชบุตรชื่อมังรายตูปะเป็นพระมหาอุปราชเมืองหงษาวดี
ค จ.ศ.๙๗๔
เดือนห้า พระเจ้าปราสาท ทองกลดแก้ว จัดรามัญสี่สิบสองครัว ถวายเป็นข้าพระเกศธาตุ
ณ เมืองร่างกุ้ง พระเจ้าปราสาททองกลดแก้ว อยู่ครองราชย์ ณ เมืองหงษาวดีไม่เสด็จอยู่ในเมือง
ออกไปตั้งพระราชวัง ณ ตำบลเกลาะสะเกิบ แปลว่าสวน ได้ปฏิบัติซ่อมแปลงบูชาพระเจดีย์ร่างกุ้งไว้มาก
ได้ครองราชย์ในเมืองอังวะหกปี ในเมืองหงษาวดี หกปี
ค จ.ศ.๙๙๐
พระเจ้าเกลาะสะเกิบ สิ้นพระชนม์ ราชโอรสชื่อมังรายตูปะ ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน
จ.ศ.๙๙๑ สิ้นพระชนม์ เจ้าเมืองสะเทิมเป็นเชื้อวงศ์เจ้าแผ่นดินพม่า ได้เป็นเจ้าแผ่นดินในเมืองหงษาวดี
เกิดแผ่นดินไหว ฉัตรยอดพระเจดีย์ร่างกุ้งหักตกลง ภายหลังพระเจ้าแผ่นดินนั้นได้ยกขึ้นดังเก่า
จ.ศ.๙๙๖ พระเจ้าสะเทิบธรรมราชา กลับขึ้นไปครองราชย์ ณ เมืองอังวะได้สี่ปี
ค จ.ศ.๑๐๐๐
ฉัตรยอดพระเจดีย์ร่างกุ้งหักตกลงมาอีก พระเจ้าอังวะจึงคิดทำกุศลให้ระงับเหตุร้าย
จึงให้บวชนาคพันรูปให้เท่าศักราช
ค จ.ศ.๑๐๐๒
ได้ยกฉัตรยอดพระเจดีย์ขึ้นไว้ดังเก่า จ.ศ.๑๐๑๑ พระเจ้าสะเทิมธรรมราชาสิ้นพระชนม์ในเมืองอังวะ
ราชบุตรชื่อนันตะยะได้ราชสมบัติต่อมา จ.ศ.๑๐๑๑ ฉัตรยอดพระเจดีย์ร่างกุ้งนั้นเอนไป
จึงมีรับสั่งให้ถอนฉัตรนั้นขึ้นไปเมืองอังวะ ครั้นซ่อมแซมดีแล้วจึงให้เอาลงไปปักไว้ดังเก่า
ค จ.ศ.๑๑๑๘
กองทัพเมืองฮ่อยกมาติดเมืองอังวะ
พระเจ้าเชียงใหม่ กลัวว่ากองทัพฮ่อได้เมืองอังวะแล้วจะยกมาตีเมืองเชียงใหม่
จึงใช้ราชทูตลงไปขอกองทัพพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา ๆ ก็ได้จัดกองทัพขึ้นไปรักษาเมืองเชียงใหม่
ค พระเจ้าอังวะ
จึงมีรับสั่งมาถึงพม่าที่เป็นใหญ่ในเมืองรามัญทั้งปวง ให้เกณฑ์พวกรามัญขึ้นไปช่วยป้องกันเมืองอังวะ
ครั้งนั้นราชวงศ์พระเจ้าอังวะองค์หนึ่งชื่อ มังนันทมิตร
ได้มาเป็นเจ้าเมืองเมาะตมะ จึงเกณฑ์พวกรามัญขึ้นไปช่วยเมืองอังวะ พวกรามัญทั้งปวงหลีกหนีเสียมาก
มังนันทมิตรจึงให้จับพวกเหล่านั้น เข้าคอกคลอกเสียด้วยเพลิง ขุนนางรามัญทั้งปวงจึงชักชวนกันเป็นขบถ
จุดเพลิงเผาเมือง เมาะตมะ แล้วจับมังนันทมิตรได้ แล้วอพยพเข้าไปกรุงศรีอยุธยา
เอาตัวมังนันทมิตรเข้าไปด้วย
ค ทัพฮ่อซึ่งมาติดเมืองอังวะอยู่นั้น
พอขาดเสบียงอาหารก็เลิกทัพกลับไป
ค พระเจ้าอังวะทราบข่าวว่ามอญเมาะตมะเป็นขบถ็ทรงพิโรธนัก
ตรัสสั่งให้ราชวงศ์องค์หนึ่งชื่อว่ามังสุราชา เป็นแม่ทัพยกตามไปจับมอญให้ได้
มังสุราชาติดตามครัวมอญที่เข้าไปตั้งอยู่ปลายแดนเมืองกาญจนบุรี
แล้วมีหนังสือไปถึงเจ้าเมืองกาญจนบุรี ให้เอาความไปแจ้งแก่เสนาบดีในกรุงศรีอยุทธยาว่า
จะขอเอาครัวมอญคืนไป พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาทรงทราบก็ไม่ยอมส่งครัวมอญออกไป
พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา จึงเกณฑ์กองทัพให้เจ้าพระยาโกษาเสนาบดีเป็นแม่ทัพ
ออกไปรบกับพวกพม่า ณ ตำบลปลายด่านเมืองกาญจนบุรี
กองทัพพม่าสู้ไม่ได้ แตกไปหลายครั้ง ต้องส่งทัพกลับเมืองเมาะตมะ จัดการเมืองเมาะตมะราบคาบแล้วก็ยกขึ้นไปเมืองอังวะ
พระเจ้าอังวะทราบเรื่องก็ครั่นคร้ามกองทัพไทย มิได้คิดจะให้ยกลงไปตีกรุงศรีอยุทธยาต่อไปอีก
ค จ.ศ.๑๐๒๓
พระเจ้านันตะยะสิ้นพระชนม์ ราชบุตรพระเจ้าสะเทิมองค์หนึ่งเป็นน้องพระเจ้านันตะยะ
ชื่อมังรายกะยอของได้ครองราชย์ในเมืองอังวะ ในเดือนสามเกิดแผ่นดินไหว ฉัตรยอดพระเจดีย์ร่างกุ้ง
ตกลงมาข้างทิศตะวันตกเฉียงใต้ โหรทั้งปวงทูลทำนายว่าปีหน้าจะเกิดศึกในประเทศพม่ารามัญ
ข้าศึกจะมาแต่ทิศตะวันออกเฉียงใต้
ค จ.ศ.๑๐๒๔
พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา ได้ทรงทราบข่าวว่าพระเจ้าอังวะสิ้นพระชนม์ จากขุนนางรามัญในเมืองเมาะตมะ
เมืองจิตตอง และขอให้กองทัพกรุงศรีอยุทธยายกออกมา พวกรามัญทั้งปวงจะช่วยเป็นกำลัง
พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา จึงจัดทัพเป็นสองฝ่าย ให้เจ้าพระยาโกษาเสนาบดี
เป็นแม่ทัพบกไปทางด่านพระเจดีย์สามองค์
ไปยั้งอยู่เมืองเมาะตมะทัพหนึ่ง ให้พระยากำแพงเพชร
เป็นแม่ทัพยกไปทางด่านบ้านระแหง
ไปบรรจบกันที่เมืองเมาะตมะ ให้พระยาสีหราชเดโชขึ้นไป
ณ เมืองเชียงใหม่
เกณฑ์พวกลาวเชียงใหม่ เมืองลำพูน เมืองนคร
เข้ากองทัพ ยกออกไปข้างด่านเชียงใหม่ให้ถึงเมืองจิตตอง
แล้วให้เกณฑ์รามัญเมืองจิตตองเข้ากองทัพ แล้วยกไปสมทบกองทัพหลวงที่เมืองเมาะตมะ
พวกรามัญทั้งปวงชวนกันมาเข้ากองทัพไทยเป็นอันมาก แม่ทัพใหญ่จึงให้ยกไปตีเมืองหงษาวดี
เมืองเสรียง เมืองร่างกุ้ง ก็ได้โดยง่าย
พม่าเจ้าเมืองพากันหนีกลับไปเมืองอังวะ เจ้าพระยาโกษาเสนาบดี จึงจัดพลไทยพลรามัญออกเป็นทัพเรือทัพบก
ขึ้นไปจากเมืองร่างกุ้ง ตีหัวเมืองรามัญเมืองพม่าทั้งปวงแตกสิ้น จนถึงเมืองปะกันคือเมืองภุกาม
อันเป็นเมืองหลวงเก่า ให้ตั้งค่ายประชิดเมืองภุกาม
พระเจ้าอังวะมีรับสั่งให้ราชบุตรมังจาเล เจ้าเมืองจาเล ทิ้งเมืองจาเลเสีย
แล้วถอยขึ้นมาตั้งรับอยู่ที่เมืองพุกามด้วยเมืองนั้นกำแพงเมืองมั่นคงนัก กองทัพไทยจะหักเข้าไปมิได้
ค ขณะนั้นแว่นแคว้นเมืองอังวะข้าวแพงนัก
เกิดเจ็บไข้ตายก็มาก พวกกองทัพขัดสนเสบียงจึงล่าทัพกลับไป พวกรามัญทั้งหลายชวนกันอพยพครอบครัวตามไป
พระเจ้าอังวะจึงให้ขุนนางผู้ใหญ่หลายคนยกกองทัพลงมา ณ รามัญประเทศ ให้เที่ยวเกลี้ยกล่อมรามัญทั้งปวงให้เข้าอยู่ตามภูมิลำเนาเหมือนแต่ก่อน
และห้ามปรามกันสิทธิขาดไม่ให้ขุนนางพม่าข่มเหงมอญสืบไป ครั้นนั้น พวกมอญค่อยได้ความสุข
ขุนนางพม่าทั้งปวงก็จัดพลพม่า แยกย้ายกันไปรักษาหัวเมืองรามัญทั้งปวงไว้ หัวเมืองรามัญทั้งปวงก็กลับไปขึ้นแก่พระเจ้าอังวะเหมือนแต่ก่อน
ค จ.ศ.๑๐๒๕
เดือนสิบได้ยกฉัตรยอดพระเจดีย์ร่างกุ้ง ได้อังคาสเลี้ยงพระสงฆ์สามเมืองคือ
เมืองเสี่ยง
เมืองพะโค เมืองร่างกุ้ง พวกเจ้ามังรายกะยอปรารถนา
จะลงมาเยี่ยมเยือน หัวเมืองรามัญทั้งปวง ได้เสด็จลงมาถึงเมืองร่างกุ้ง แล้วสั่งให้ราชบุรุษออกไปสอดแนมจากราษฎรทั้งปวงว่า
ในหัวเมืองมอญจนถึงเมืองทวาย ถ้าเจ้าเมืองและขุนนางผู้ใดสงเคราะห์ราษฎรโดยสุจริต
ราษฎรสรรเสริญก็ให้มารับพระราชทานรางวัล และยศศักดิ์เพิ่ม ถ้าทำให้ราษฎรเดือดร้อน
ก็ลงโทษตามโทษานุโทษ ครั้งรามัญทั้งปวงชวนกันสรรเสริญพระเดชพระคุณพระเจ้าอังวะเป็นอันมาก
พระเจ้าอังวะจึงให้ยกฉัตรยอดพระเจดีย์ร่างกุ้ง ซึ่งหักลงมาให้เป็นปกติดังเก่า
แล้วเสด็จกลับเมืองอังวะ ตั้งแต่นั้นมาหัวเมืองรามัญทั้งปวงก็ราบคาบอยู่เป็นอันดี
แต่เมืองมฤตกับเมืองตะนาว
พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยาให้ขุนนางมารักษาอยู่ และเมืองลาวพุงคำ
คือเมืองเชียงใหม่ เมืองลำพูน เมืองนคร
พระเจ้ากรุงไทยก็ให้ขุนนางไทยไปกำกับอยู่ พระเจ้าอังวะก็มิได้ให้กองทัพไปตีหัวเมืองปากใต้ฝ่ายเหนือ
ทั้งห้าตำบลนี้ต่อไป ไทยกับพม่าก็งดสงครามกันตั้งแต่นั้น
ค จ.ศ.๑๐๒๖
เดือนอ้าย แผ่นดินไหว ยอดพระเจดีย์ร่างกุ้งตกลงมาหลายชั้น อินทจักรหัก องค์พระเจดีย์ชำรุดไปมาก
ค จ.ศ.๑๐๒๗
เดือนยี่ พระเจ้ามังรายกะยอของตรัสสั่งให้จัดผังอินทจักร เดือนสาม ให้ยกยอดพระเจดีย์ร่างกุ้ง
พระองค์มีชนมายุสามสิบเก้าปี อยู่ในราชสมบัติสามสิบสี่ปี
ค จ.ศ.๑๐๖๘
พระเจ้ามังรายกะยอของพระชนมายุ เจ็ดสิบสามปี สิ้นพระชนม์ อินแซะแมงราชบุตรได้ราชาภิเษก
ชาวเมืองทั้งหลายเรียกว่า เนมะโยแมง แปลว่าเจ้าอาทิตย์ จ.ศ.๑๐๙๘ เนมะโยแมงสิ้นพระชนม์
ราชบุตรชื่อ มังลาวะมิน ได้ครองราชย์ต่อมา
ค จ.ศ.๑๐๙๗
พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา ทรงพระนามพระเจ้าธรรมิกราช
ปรารถนาจะเป็นพระราชไมตรีกับพระเจ้าอังวะ ให้ราชทูตนำเครื่องบรรณาการขึ้นไปเมืองอังวะ
พระเจ้าอังวะยินดีนัก ให้แต่งพระราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการตอบกรุงศรีอยุทธยา
ตั้งแต่นั้นมากรุงศรีอยุทธยากับกรุงอังวะเป็นทางพระราชไมตรีกัน
ค จ.ศ.๑๑๐๑
เดือนห้า เวลาเช้า เกิดแผ่นดินไหวอยู่นาน ฉัตรยอดพระเจดีย์มุตาว ณ เมืองหงษาวดีหังลงมา
ค จ.ศ.๑๑๐๒
มะยวน ขุนนางพม่า คือ มองซวยตองกะยอ ซึ่งมาครองเมืองหงษาวดี แต่ปี จ.ศ.๑๐๙๙
รามัญทั้งหลายเรียกว่า มังสาอ่อง
คิดขบถต่อพระเจ้าอังวะ จะตั้งตัวเป็นพระเจ้าแผ่นดินในเมืองหงษาวดี จึงคบคิดกับขุนนางพม่า
และขุนนางมอญหลายคน ขุนนางรามัญคนหนึ่ง ชื่อ ธอระแซงมู
เป็นนายกองช้างได้ปรึกษากับรองปลัด และยกกระบัตร มีหนังสือไปกราบทูลพระเจ้าอังวะ
ๆ จึงตรัสสั่งให้มังมหาราชา กับมังรายองค์เนิน เกณฑ์ไพร่พลหนึ่งหมื่น ยกกองทัพไปจับมังสาอ่อง
ๆ หนีไปอาศัยอยู่ในหัวเมืองทะละ
เจ้าเมืองทะละจับตัวส่งมังมหาราชา
ๆ เอาตัวไปฆ่าเสียที่เมืองหงษาวดี มังมหาราชาจึงตั้งให้มังรายองค์เนินครองเมืองหงษาวดีต่อไป
ต่อมามังรายองค์เนินโลภ ข่มเหงราษฎรได้รับความเดือดร้อน
ค จ.ศ.๑๑๐๒
เดือนยี่ มีชายผู้หนึ่งเป็นชาติเซมกวย
บวชเป็นภิกษุมาช้านานในเมืองหงษาวดีใกล้บ้านอเวิ้ง ซึ่งมีพวกเงี้ยวอยู่ประมาณ
สามร้อยเศษ เมื่อสึกจากภิกษุ เจ้าเมืองหงษาวดีเก่าตั้งให้เป็นพระยาชื่อ
สมิงธอกวย
พวกเซมกวยพูดภาษาไม่เหมือนภาษารามัญ เป็นชาวป่าอยู่นอกเมืองหงษาวดี สมิงธอกวยเป็นคนมีวิชาเป็นเสน่ห์แก่คนทั้งปวง
พวกรามัญชาวเมืองรักใครมาก สมิงธอกวยได้คุมพวกเซมกวยประมาณ สามพันคนเศษ ครั้นเห็นมังรายองค์เนินข่มเหงราษฎรนัก
จึงยกพวกมาตั้งค่ายอยู่ ณ ตำบลเภานักที่นอกเมืองหงษาวดี ส่วนธอระแซงมูรู้เหตุจึงมีหนังสือออกไปนัดหมายกับสมิงธอกวย
กำจัดมังรายองค์เนินเสีย เมื่อกำจัดได้แล้ว สมิงธอกวยได้เป็นเจ้าเมืองหงษาวดี
เมื่อปี จ.ศ.๑๑๐๓ ธอระแซงมูยกบุตรสาวชื่อมียายเสมให้เป็นภรรยาสมิงธอกวย
สมิงธอกวยได้ครองราชย์ในเมืองหงษาวดี มีพระนามว่า พระยาพธิโรราชา
จึงตั้งธอระแซงมู เป็นที่พระยาสัสดีแม่กองเลข ต่อมาได้ตั้งให้เป็นเจ้ามหาเสนาบดี
เป็นผู้สำเร็จราชการสิทธิขาดในรามัญประเทศทั้งปวง พระเจ้าหงษาวดีมีเมืองขึ้นสามสิบสองหัวเมือง
พระเจ้าอังวะทราบข่าวจึงปรึกษากับขุนนางทั้งปวง จะยกกองทัพไปจับสมิงธอกวยกับธองแซงมูฆ่าเสีย
ค พวกโหรทำฎีกาถวายว่า
ในสิบสองปีนี้เป็นคราวชะตาเมืองอังวะตก พวกรามัญทั้งหลายเป็นคราวชะตาขึ้น
ถ้ายกทัพไปทำสงครามกับรามัญจะไม่มีชัย พระเจ้าอังวะจึงรับสั่งให้มังมหาราชายกกองทัพไปตั้งอยู่เมืองแปร
รามัญเรียกเมืองปรอน
อันเป็นพรมแดนรามัญกับพม่าต่อกัน เพื่อเป็นการขัดตาทัพไว้ก่อน ครั้งนั้นเจ้าเมืองเมาะตมะชื่อมังนราจอสูเป็นชาติพม่ากลัวมอญเมาะตมะ
จะฆ่าเสียจึงพาครอบครัวและพวกพ้องหนีไปอยู่กับมังลักเวเจ้าเมืองทวายอันเป็นชาติพม่าด้วยกัน
พระเจ้าหงษาวดีทราบเรื่อง จึงให้มีหนังสือไปถึงกรมการเมืองทวายทั้งปวง ให้ส่งมังนระจอสู
กับมังลักเวขึ้นมา ณ เมืองหงษาวดี มิฉะนั้นจะให้กองทัพลงไปตีเมืองทวาย
ค กรมการเมืองทวายรับหนังสือก็ตกใจคิดจะจับทั้งสองคนดังกล่าว
ทั้งสองคนรู้เหตุนั้นจึงอพยพครอบครัวหนีลงไป ณ เมืองตะนาวศรี
อันเป็นเขตแดนพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา เจ้าเมืองตะนาวศรีมีหนังสือบอกเข้าไป
ณ กรุงศรีอยุทธยา จึงมีรับสั่งให้ส่งทั้งสองคนกับพวกพ้องทั้งปวงเข้าไปกรุงศรีอยุทธยา
แล้วให้ปลัดเมืองทวายกับเจ้าเมือง ตะนาวศรีกำกับกันยกกองทัพออกมารักษาเมืองทวายไว้
พระเจ้าหงษาวดีทราบเรื่องจึงคิดว่าจะสู้พม่าแต่ด้านเดียวก่อน จึงจัดเครื่องราชบรรณาการให้เจ้าเมืองเร
นำลงมาถึงเจ้าเมืองตะนาวศรี และให้นำเจ้าเมืองเรเข้าไปถวายเครื่องราชบรรณาการพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา
แล้วพระเจ้าหงษาวดีจัดกองทัพบกกองทัพเรือ ยกขึ้นไป ณ เมืองปรอน เพื่อจะตีทัพมังมหาราชา
แล้วจะเลยไปติดเมืองอังวะ
ค ฝ่ายพระเจ้าอังวะทราบเรื่องว่ามังนราจอสู
กับมังลักเว หนีไปพึ่งพระบารมีพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา พระองค์จึงให้แต่งพระราชสาส์นขอบพระคุณ
พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา กับเครื่องราชบรรณาการมอบให้ราชทูตลงไป ณ กรุงศรีอยุทธยา
พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยาทรงจัดราชทูตไทยสามนาย นำพระราชสาส์นกับเครื่องราชบรรรณาการตอบไปพร้อมราชทูตพม่า
เดินทางไปทางปลายแดนเมืองตองอู
ค ขณะนั้นพระยาหงษาวดีขึ้นไปตั้งค่ายประชิดเมืองปรอนอยู่
ยังไม่แพ้ชนะกับมังมหาราชา พอขาดเสบียงลงจึงให้เที่ยวแยกย้ายหาเสบียง มีกองหนึ่งมาจนถึงแดนเมืองตองอู
พวกรามัญรู้จับได้ไพร่พม่าสองคนในขบวนราชทูตมาถวายพระเจ้าหงษาวดี เมื่อสอบถามได้ความว่า
พระเจ้าอังวะให้ราชทูตไปขอกองทัพไทยขึ้นมาช่วยป้องกันเมืองอังวะก็ตกพระทัย
จึงเลิกทัพกลับเมืองหงษาวดี
ค ราชทูตไทยเฝ้าพระเจ้าอังวะแล้ว
พระเจ้าอังวะพระราชทานรางวัล และเครื่องราชบรรณาการตอบแทนเสร็จแล้ว ก็ส่งราชทูตกลับทางเมืองเชียงใหม่
ค พระเจ้าหงษาวดีปรึกษากับมหาเสนาบดี
จะทำไมตรีกับพระเจ้ากรุงไทย ขอพระราชธิดามาตั้งเป็นพระอัครมเหสี แล้วแต่งพระราชสาส์นจัดเครื่องราชบรรณาการ
มอบให้ราชทูตเข้าไปกรุงศรีอยุทธยาโดยทางด่านกาญจนบุรี พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยาทรงทราบก็ขัดเคืองพระทัย
ว่าสมิงธอกวยไม่รู้จักประมาณตัว ก็ไม่ได้ตรัสปราศรัยด้วยราชทูตมอญ ตามธรรมเนียม
แต่รับสั่งให้เสนาบดีเลี้ยงดูให้รางวัลแก่ราชทูตตามธรรมเนียม แล้วจึงให้มีหนังสือเสนาบดีตอบออกมา
กล่าวเปรียบเปรยสมิงธอกวยด้วยชาติตระกูลส่งให้ราชทูตรามัญกลับออกมา
ครั้นพระเจ้าหงษาวดีทราบความในหนังสือก็โกรธ จึงปรึกษากับมหาเสนาบดี จะยกกองทัพไปตีกรุงศรีอยุทธยา
มหาเสนาบดีทัดทานไว้
ค จ.ศ.๑๑๐๓
เมืองมาตะรา
เป็นเมืองขึ้นแก่เมืองอังวะ ตั้งอยู่เหนือเมืองอังวะขึ้นไป มีพวกรามัญอยู่ประมาณหมื่นเศษ
มีรามัญคนหนึ่งชื่อนายอินท์บวชเป็นภิกษุ
เรียนพระไตรปิฎกและจบไตรเพท สึกออกมาแล้วนุ่งผ้าขาวเรียกว่า ลมาตอินท์
เป็นที่นับถือของชาวเมืองทั้งปวง ครั้นนั้น มีสมิงหลายคนให้ความสัตย์สาบานต่อกัน
คิดจะไม่เป็นข้าเจ้าอังวะต่อไป แล้วกวาดต้อนผู้คนที่อยู่นอกเมืองให้เข้ามาอยู่ในเมือง
แล้วให้ขุดคูกว้างสามวา ลึกเจ็ดศอก จัดป้อมค่ายคูประตู หอรบ หน้าที่เชิงเทินให้มั่นคงเสร็จแล้ว
สมิงโดดกับสิมแปะกะยอ ปรึกษากับขุนนางทั้งปวงว่าเมืองเรายังไม่มีเจ้าเมือง
ควรไปเชิญลมาตอินท์มาครองเมือง ทุกคนก็เห็นพร้อมกัน ลมาตอินท์เป็นเจ้าเมืองแล้วก็ใช้ให้สมิงโดด
กับสมิงแปะกะยอไปตีเมืองยะไข่
ซึ่งตั้งอยู่เหนือเมืองมาตะราขึ้นไป จับได้พวกจีนฮ่อมาได้จำนวนหนึ่ง เอามาทำพิธีฝังอาถรรพ์รอบเมืองมาตะรา
ค พระเจ้าอังวะทรงทราบว่า
พวกรามัญชาวเมืองมาตะราคิดขบถ จึงรับสั่งให้มังมหาราชาเกณฑ์พลพม่าหมื่นหนึ่ง
ยกไปตีเมืองมาตะรา มังมหาราชาต้านทานกองทัพมอญไม่ได้แตกหนีกลับ อีกเดือนต่อมามังมหาราชาเกณฑ์ไพร่พลสามหมื่น
ม้าพันหนึ่งไปล้อมเมืองมาตะรา แต่ก็แตกกลับไปอีก อีกเดือนต่อมามังมหาราชาเกณฑ์ไพร่พลห้าหมื่นยกไปล้อมเมืองมาตะราแต่ก็แพ้อีก
บน |